MGRออนไลน์ -- อาจจะไม่ได้เห็นในปีหน้าหรือปีต่อไป แต่ไม่ว่าจะเป็นปีไหนๆ ผู้คนในย่านนี้มีโอกาสได้เจอตัวจริงอย่างแน่นอน สำหรับ CH-53K "คิงสตาลเลียน" (King Stallion) ราชาแห่งม้างาน ซึ่งจะเป็นเฮลิคอปเตอร์ขนส่งรุ่นใหม่ ขนาดใหญ่ที่สุด กองทัพเรือสหรัฐจะนำเข้าประจำการอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ในแผนการจัดหากว่า 200 ลำ เพื่อนำเข้าประจำการแทน ฮ.ขนส่งขนาดใหญ่ของกองกำลังนาวิกโยธินในปัจจุบัน
วิดีโอคลิปที่เผยแพร่โดยบริษัทซีกอร์สกีเฮลิคอปเตอร์ (Sikorsky Helicopter) เมื่อไม่นานมานี้ ไม่เพียงแสดงให้เห็นว่า ปีกหมุนใน "ครอบครัว S-80"รุ่นใหม่ล่าสุด ราคาปัจจุบัน 93 ล้านดอลลาร์ ยังคงเป็นหนึ่งไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้จะบรรทุกหนักมากขึ้นอีกก็ตาม
"คิงสตาลเลียน" เป็นอากาศยานปีกหมุน ที่ซิกอร์สกีใช้เวลาในการพัฒนานานที่สุดอีกรุ่นหนึ่ง โดยปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เจอมาในรุ่นพ่อรุ่นพี่ คือ CH-53A "สตาลเลียน" CH-53D "ซีสตาลเลียน" (Sea Stallion) และ CH-53E "ซูเปอร์สตาลเลียน" ซึ่งแต่ละรุ่้นได้ตแกลูกหลานเป็นรุ่นย่อย ภายใต้ขื่ออื่นๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม CH-53D "ซีสตาลเลียน" อาจเป็นชื่อที่รู้จักคุ้นเคยกันมากที่สุดในย่านอ่าวไทย เนื่องจากเคยมาเข้าร่วมการวฝึกคอบร้าโกลด์ หลายต่อหลายครั้ง แต่ทั้งหมดได้ทยอยหายหน้าไป เพื่อเปิดทางให้ม้างานตัวใหม่ล่าสุดเข้าแทนที่
ซิกอร์สกีฯ นำ "คิงสตาลเลียน" ขึ้นบินทดสอบครั้งแรกวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเลื่อนมาตั้งแต่ปี 2557 ด้วยปัญหาเกี่ยวกับชิ้นส่วนสำคัญบางรายการ ทำให้ต้องสั่งผลิตใหม่และเปลี่ยนใหม่ วิดีโอที่เผยแพร่สัปดาห์ปลายเดือนที่แล้ว แสดงให้เห็นการผ่านขั้นตอนอันสำคัญ ตามความต้องการของกองทัพเรือสหรัฐ และ อยู่ในขั้นตอนเตรียมผลิตจริง เพื่อเจ้าประจำการแทน CH-53E ที่ใช้งานมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 เป็น ฮ.ใหญ่ที่สุดของกองทัพในปัจจุบัน
การปรากฏตัวของ CH-53K อาจจะไม่มีอะไรหวือหวา เหมือนเมื่อครั้ง V-22 "ออสปรีย์" (Osprey) บินรวดเดียวจากฐานทัพในญี่ปุ่น ข้ามทะเลจีนใต้ เข้าสนามบินอู่ตะเภา และ ไปยังกองบิน 1 นครราชสีมา เพื่อร่วมฝึกคอบร้าโกลด์ 2012 และ ยิ่งไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากมาย หากเทียบกับ S-97 "เรดเดอร์" (Raider) ฮ.ที่บินเร็วที่สุดในโลก ที่ซิกอร์สกีฯ กำลังเร่งวันเร่งคืนเพื่อนำของจริงออกอวดโฉมแทนเครื่องต้นแบบ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้ง V-22 และ S-97 ต่างก็ไม่ได้ผลิตออกมา เป็นคู่แข่งกับตระกูล "สตาลเลียน" และ ไม่สามารถใช้แทนได้
.
.
นอกจากนั้นปีกหมุนในครอบครัว CH-53 (หรือ S-80 ในซีรีส์ของผู้ผลิต) มีเกียรติประวัติอันยาวนาน เกินกว่าใครๆ จะมองข้ามได้ ในฐานะ ฮ.ขนส่งคู่ใจอีกรุ่นหนึ่งของนาวิกโยธินสหรัฐ พี่ใหญ่ CH-53A เข้าประจำการตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 กรำศึกอย่างโชกโชน ตั้งแต่สงครามเวียดนาม จนถึงสงครามอัฟกานิสถาน และ "เกษียน" ไปจนหมด เปิดให้ CH-53D ที่พัฒนาไปมากกว่า ในอีก 10 ปีถัดมา จนกระทั่งเข้าสู่ยุคของ CH-53E ที่ออกปรากฏตัวในน่านน้ำต่างๆ ทั่วโลกในขณะนี้
และก็เช่นเดียวกันกับ "ซูเปอร์สตาลเลียน" ฮ. CH-53K กำลังจะทำหน้าที่เป็นม้างานให้แก่กองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐ ที่ออกปฏิบัติการในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ไปตลอด 20-30 ปีข้างหน้า ลำที่ขึ้นบินทดสอบที่เห็นในวิดีโอคลิปชั้นนี้ ยังเป็นเพียงเครื่องต้นแบบ ซึ่งจะต้องบินต่อไปจนครบ 2,000 ชั่วโมง ตามข้อกำหนด ส่วนของจริงลำแรกมีกำหนดออกจากโรงงานในปี 2561 ในขั้นตอนการผลิตทั้งหมด 200 ลำ ในโครงการจัดหามูลค่ากว่า 25,000 ล้านดอลลาร์
รูปร่างหน้าตาโดยรวม แทบจะไม่ได้มีอะไรต่างไปจาก CH-53E รุ่นพี่สักเท่าไร แต่ ฮ.รุ่นใหม่ติดเครื่องยนต์รุ่นใหม่ ประสิทธิภาพสูงยิ่งกว่า ใช้ใบโรเตอร์ผลิตจากวัสดุแตกต่างออกไปให้พลังยกได้ดีขึ้น ห้องนักบินหุ้มด้วยกระจกนิรภัยแบบใหม่ ระบบเอวิโอนิกเป็น Fly-by-Wire อย่างสมบูรณ์ กระจกภายในยังกว้างขวางขึ้น และ ผลก็คือบรรจุผู้โดยสารได้มากขึ้น บรรทุกสัมภาระได้มากกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นข้อมูลในเว็บไซต์ซิกอร์สกีฯ
ยังมีข้อมูลทางเทคนิคใหม่ๆ จำนวนมากที่ไม่อาจจะสาธยบายได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุดสำหรับนาวิกโยธิน อาจจะเป็นอัตราบรรทุกที่ทำได้สูงสุดเกือบ 40 ตัน มากกว่า CH-53E เกือบ 7 ตัน และ ยังบินเร็วกกว่าอีก คือ ความเร็วปรกติ 170 นอต (315 กิโลเมตร/ชั่งโมง) เทียบกับรุ่นพี่ ที่ทำได้ 150 นอต หรือ 278 กม./ชม.
CH-53K ยังคงติดอาวุธระบบเดิม คือ ปืนกล GAU-15/A ขนาด 12.7 มม. ติดตั้งริมหน้าต่างทั้งสองข้าง รวม 2 กระบอก และ ปืนกล GAU-15/A คาลิเบอร์เดียวกันอีก 1 กระบอก ติดตั้งภายนอกลำ.
.
2
3
4
5
6