ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- เป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนแปลกใจทีเดียว ที่จู่ๆ ข้ามสัปดาห์มานี้ สื่อในรัสเซียหลายสำนัก ได้นำวิดีโอคลิป พร้อมเรื่องราว ปฏิบัติการของฝ่ายกบฏ ที่กำลังต่อสู้กับรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสสาด ออกเผยแพร่ ซึ่งเป็นการประสานเสียง สอดคล้องกับสิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กล่าวในกรุงมอสโกสัปดาห์ที่แล้ว เป็นการยอมรับว่า การโจมตีทางอากาศเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่เครื่องมือที่จะนำไปสู่ชัยชนะขั้นเด็ดขาดได้ ในสงครามกลางเมืองซีเรียที่ดำเนินมา 3 ปี
สัปดาห์ที่แล้ว เว็บไซต์ข่าวกลาโหมรัสเซียแห่งหนึ่งนำภาพ ซึ่งตัดจากวิดีโอคลิปออกเผยแพร่ แสดงให้เห็นรถถัง T-72 ที่รัฐบาลอัสสาดซื้อจากสหภาพโซเวียตเมื่อก่อนและรัสเซียในปัจจุบัน ถูก FSA หรือ "กองทัพซีเรียอิสระ" (Free Syrian Army) ซึ่งเป็นกลุ่มนายทหารเก่า ที่แปรพักตร์ไปทำสงครามโค่นล้มรัฐบาล และ ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐกับโลกตะวันตก ยิงทำลายเสียหาย ด้วยจรวดโทว (TOW) ที่ผลิตในสหรัฐ ในนั้น T-72 หลายคันอยู่ในสภาพย่อยยับ
วันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์ซเวซดา (Zvezda) หรือ "ดาวแดง" ซึ่งเป็นของสื่อกึ่งทางการ ได้นำวิดีโอคลิปชิ้นหนึ่งจาก Liveleak.Com ไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ พร้อมเรื่องราวสั้นๆ เกี่ยวกับปฏิบัติการของจรวดโทว เช่นเดียวกัน
วิดีโอคลิปความยาวเพียง 1.05 นาที แสดงให้เห็นนักรบ FSA คนหนึ่งยิงรถถัง T-72 ของกองทัพรัฐบาล ที่อยู่ไกลออกไปเกือบ 2 กิโลเมตรอย่างได้ผล การถ่ายทำแสดงให้เห็นจรวดนำวิถี ถูกยิงไปจากชั้นดาดฟ้าอาคารสูงหลังหนึ่ง จรวดพุ่งไปตามทิศทางที่ถูกบังคับ พุ่งเข้าชนเป้าหมาย เกิดการระเบิด วิดีโอแสดงให้เห็นพลรถถังหนีตะเกียกตะกายออกจากรถ ก่อนจะเกิดการระเบิดตูมใหญ่ติดตามมา และ ชิ้นส่วนต่างๆ ปลิวว่อน
นั่นเป็นภาพธรรมดาๆ ที่เห็นกันในวิดีโอหลายต่อหลายชิ้นก่อนหน้านี้ ในปฏิบัติการของฝ่ายกบฏคล้ายๆ กันนี้ .. เมื่อรถถังถูกยิง พลขับ พลปืน หรือ ผู้บังคับรถถัง จะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างยอมตายไปพร้อมรถ กับ รีบออกจากรถให้เร็วที่สุด ก่อนไฟจากแรงระเบิดจะลามเข้าถึง "คลังแสง" และ ทุกสิ่งทุกอย่างภายใน จะแหลกเป็นจุลในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา ..
ไม่ต้องสงสัยเลย รัสเซียตระหนักถึงสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างดี ประธานาธิบดีปูติน ปาฐกถาในงานหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุในตอนหนึ่งว่า "เครื่องบินรบของเราทิ้งระเบิดอย่างได้ผล แต่ศัตรูก็ยังอยู่" ซึ่งเป็นการยอมรับว่า การทิ้งระเบิดไม่ใช่กลยุทธหลัก ที่จะนำไปสู่ชัยชนะขึ้นเด็ดขาดได้ในซีเรีย แต่เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่ง ที่ทำให้สถานการณ์พัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งอาจจะลงเอยด้วยการเจรจา หรือ นำไปสู่การรุกรบที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิมก็เป็นได้
.
.
.
.
.
สงครามกลางเมืองในซีเรีย ได้เผยให้เห็นทั้งกลยุทธในการรบ กับ อาวุธที่ใช้ และ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียดูจะเป็นตัวเอกในฉากชุ่มเลือด ส่งเครื่องบินรบหลากชนิด ถล่มที่มั่นฝ่ายต่อต้านรัฐบาลประธานาธิดีบาชาร์ อัล-อัสสาด กว่า 100 เที่ยว มากกว่าสหรัฐกับพันธมิตรตะวันตก ที่ทำกันมาเกือบ 2 ปีเสียอีก ทั้งจำนวนเที่ยว และ จำนวนเป้าหมาย
แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด .. นักวิเคราะห์ชี้ประเด็นอย่างน่าสนใจว่า พระเอกในสงครามซีเรีย มิใช่เครื่องบินรบ มิใช่การโจมตีทิ้งระเบิดทางอากาศ หากยังเป็นการรบภาคพื้นดินต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง
ฝ่ายหนึ่งคือ รัสเซียหนุนรัฐบาลในกรุงดามัสกัส สหรัฐกับตะวันตกหนุน FSA และ กลุ่มหัวรุนแรง ISIS ได้รับการสนับสนุนลับๆ จากชาติอิสลามจำนวนหนึ่ง รัฐบาลซีเรียจะไม่สามารถเอาชนะการศึกได้ หากไม่มีการปฏิบัติการของทหารราบที่มีประสิทธิภาพ เครื่องบินรัสเซียอาจจะไม่สามารถช่วยรัฐบาลซีเรียได้มากกว่านั้น หากไม่มี "บู๊ต ออน เดอะ กราวด์" หรือ ส่งกองทัพบกไปช่วยรบอีกทางหนึ่ง ซึ่งรัสเซียยังไม่มีแผนการเช่นนี้
ตามรายงานของสำนักข่าวทาสส์ ปธน.รัสเซีย กล่าวในงานเลี้ยงของ Valdia Club ที่เมืองโซชิ (Sochi) เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ยืนยันว่า ปฏิบัติการทางทหารในซีเรียนั้น ประสบความสำเร็จ และ ก็ยอมรับว่า "การก่อการร้ายยังไม่ได้ถูกทำลายไป"
"ในความเห็นของผมเอง และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทางการทหารของพวกเรา ผลที่ออกมาเราประสบความสำเร็จ แต่นั่นเพียงพอหรือยังที่จะกล่าวว่า การก่อการร้ายในซีเรียพ่ายแพ้ลงแล้ว? ไม่เลย เรายังจะต้องมีความพยายามที่จริงจังกว่านี้อีกเพื่อที่จะสรุปเช่นนั้น จะต้องดำเนินขั้นตอนที่ใหญ่กว่า และ ผมขอย้ำ -- จะต้องทำงานร่วมกัน"
.
2
ผู้นำรัสเซียจะกล่าวถึง "การทำงานร่วมกัน" โดยไม่ได้อธิบายว่า จะร่วมกับฝ่ายใดบ้าง แต่ที่ผ่านมา ปธน.ปูติน เรียกร้องให้สหรัฐกับพันธมิตรนาโต ร่วมกับรัฐบาลซีเรีย ปราบปรามการก่อการร้ายของทุกฝ่าย ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ และ อีกทางหนึ่งรัสเซียเอง มีเคยพยายามเกลี้ยกล่อมให้กองทัพซีเรียอิสระ เข้าร่วมกับรัสเซีย และฝ่ายรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อกำจัดศัตรูร่วม ซึ่งก็คือกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง ISIS แต่ก็เป็นไปได้ยากไม่แพ้กัน
ในช่วงข้ามเดือนมานี้ มีวิดีโอคลิปมากมาย ที่ถ่ายทำให้เห็นกองกำลังฝ่ายกบฏ "กลุ่มสายกลาง" ในนิยามของฝ่ายสาหรัฐ ซึ่งหมายถึง FSA ต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาล รวมทั้งสู้รบกับกลุ่ม ISIS ในหลายจุด ใกล้กับฐานทัพลาตาเกีย (Latakia) ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งเป็นที่ตั้งฐานปฏิบัติการของรัสเซีย และ ในสัปดาห์ที่สองของเดือนนี้ ในวันที่รัสเซียโจมตีทิ้งระเบิดรุนแรงที่สุดเป็นครั้งแรก FSA กล่าวว่า สามารถยิงทำลายรถถังกองทัพรัฐบาลได้ถึง 12 คัน ซึ่งมากที่สุด ที่เคยทำได้ในวันเดียว
วิดีโอหลายชิ้นแสดงให้เห็น FSA ยิงรถถังรัฐบาลด้วยจรวดโทว และ มีบางครั้งยิงด้วยจรวดคอร์เน็ต (Kornet) ที่ผลิตในรัสเซีย แต่สื่อกลาโหมประเทศนี้เน้นไปที่ผลงานของจรวดโทวเป็นพิเศษ พร้อมนำเสนอเรื่องราวมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเหยื่อของจรวดสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็น T-72 ของรัฐบาล ปธน.อัสสาด
เรากำลังพูดถึงจรวดนำวิถีรุ่นหนึ่ง ที่เรียกกันในชื่อเต็มว่า "จรวดยิงรถถังชนิด Tube-launched, Optically tracked, Wire-guided" อันเป็นที่มาของชื่อย่อ TOW และ มีชื่ออย่างเป็นทางการในระบบกองทัพสหรัฐว่า "จรวด BGM-71" ไทยเป็นเพียง 1 ใน 3 ชาติอาเซียนที่มีใช้ในกองทัพ เช่นเดียวกับสิงคโปร์ ที่ซื้่อจากสหรัฐ และ เวียดนามที่ได้รับตกทอดมาจากสงคราม
.
ชะตาขาด[จากคลิปโดย FSA]
3
4
5
6
7
8
8
10
สงครามเวียดนามยุติลง แต่จรวดโทวถูกพัฒนาต่อมาอีกหลายรุ่น รุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน มีทั้งหัวรบธรรมดา หัวรบเจาะเกราะ ERA (Explosive Reactive Armor) หรือ "เกราะระเบิดแบบปฏิกิริยาโต้กลับ" ที่อาศัยแรงระเบิดจากจรวด หรือ หัวรบแบบใดก็ตามที่ยิงเข้าใส่ เป็นตัวจุดชนวนระเบิด ที่ฝังภายใต้เกราะชั้นแรก ส่งสะเก็ดระเบิดออกไปทิศทางเดียว ทำลายหัวรบของข้าศึก ปิดโอกาสไม่ให้เข้าถึงเกราะชั้นในได้
ตามข้อมูลในเว็บไซต์ข่าวกลาโหม จรวด BGM-71 รุ่นใหม่ๆ พัฒนาออกมาเป็นรุ่นย่อยนับสิบรุ่น ติดหัวรบรุ่นใหม่ๆ หลายชนิด รวมหัวรบ Tandem ที่ปฏิบัติการสองจังหวะ ยิงเจาะเกราะชั้นนอกสุด โดยยังไม่ระเบิด ทั้งนี้เพื่อเปิดทางนำหัวรบเข้าสู่เกราะชั้นใน ก่อนจะแสดงอิทธิฤทธิ์ ส่งแรงระเบิดผ่านเข้าทำลายถึงภายในรถ และ ยังมีหัวรบระเบิดแรงสูง HEAT ที่ทำงานโดยใช้ความร้อนสูง หลอมละลาย เจาะทะลวงเกราะชั้นในของรถถัง เปิดทางให้หัวรบที่ใช้ชนวนจุดระเบิดแบบหน่วงเวลาเข้าทำหน้าที่ รวมทั้งอีกรุ่นที่ติดหัวรบแบบ Thermobaric ที่สลับซับซ้อนยิ่งกว่า แต่อานุภาพการทำลายล้างสูงกว่า
ปัจจุบันกองทัพสหรัฐจะมีจรวดยิงรถถังรุ่นใหม่ ที่มีขนาดเล็กลง แต่ติดหัวรบรุ่นใหม่ ที่มีขนาดใหญ่กว่า ปฏิบัติการได้ไกลกว่า และประสิทธิภาพสูงมาก เช่นจรวดแเจฟลิน (Javelin, FGM-148) แต่จรวด TOW ก็ยังได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากกรำศึกมานาน ขนาดไม่ใหญ่โตมาก เคลื่อนย้ายสะดวก การใช้งานไม่มีความสลับซับซ้อน นำวิถีด้วยสายใยแก้วนำแสง (Optical Wire) ขนาดก็ไม่ใหญ่โตมาก ระยะปฏิบัติการตั้งแต่ 65-3,750 เมตร มีความแม่นยำสูงไม่แพ้กัน เหมาะกับทุกสถานการณ์ ทั้งสงครามในเมืองที่มีอาณาบริเวณจำกัด และ สงครามกองโจรในเขตชนบท และ TOW ราคาถูกกว่าแจฟลิน
สื่อรัสเซียกล่าวว่า สถานการณ์เช่นที่เห็นในคลิป เตือนให้รู้ว่า T-72 ซึ่งเป็นสุดยอดระดับตำนานรุ่นหนึ่ง กำลัง "ชะตาขาด" ไม่มีทางหลุดรอดได้ในสมรภูมิซีเรีย ไม่ว่าจะหุ้มเกราะ ERA หรือไม่ก็ตาม รถถังที่จะอยู่รอดได้ในสถานการณ์เช่นนี้ จะต้องหุ้มเกราะรุ่นใหม่ หรือ ติดระบบป้องกันแบบแอ็กทีฟ (Active Protection System) ที่สามารถยิงทำลายหัวรบของข้าศึกได้ ก่อนจะถึงตัวเท่านั้น.