xs
xsm
sm
md
lg

ปธน.เวียดนามจ้อในสหรัฐฯ ชี้เกาะเทียมจีนในทะเลจีนใต้ผิดกฎหมาย-สุดอันตราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<FONT color=#00003>ภาพถ่ายดาวเทียมที่เผยแพร่สัปดาห์กลางเดือน ก.ย.นี้ แสดงให้เห็นการก่อสร้าง เกาะเทียม ของจีนในเขตหมู่เกาะสแปร็ตลี ทะเลจีนใต้ รวมทั้งรันเวย์และสนามบินบนเกาะ อยู่ในสภาพใกล้จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งสหรัฐกับชาติตะวันตกอื่นๆ ที่ต่อต้านการประกาศครอบครองทะเลจีนใต้ ของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ปักกิ่ง. </b>

เอพี - ประธานาธิบดีของเวียดนาม ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวเอพีวานนี้ (28) ว่า การสร้างเกาะเทียมของจีนในทะเลจีนใต้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นอันตรายต่อความมั่นคงทางทะเล

ประธานาธิบดีเจื่อง เติ่น ซาง ยังเรียกร้องต่อสหรัฐฯ ที่ได้แสดงความวิตกต่อพฤติกรรมก้าวร้าวของจีน ให้ยกเลิกการห้ามค้าขายอาวุธรุนแรงให้แก่เวียดนามทั้งหมด

ผู้นำเวียดนาม กล่าวว่า การยกเลิกดังกล่าวจะเป็นการแสดงให้โลกเห็นว่าความสัมพันธ์สหรัฐฯ-เวียดนามได้กลับคืนสู่ระดับปกติอย่างสมบูรณ์ หลังสิ้นสุดสงครามเวียดนามมานาน 40 ปี

เวียดนาม และจีนมีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องยั่งยืนยาวนาน แต่ความตึงเครียดได้ขยายตัวขึ้นเนื่องจากการสำรวจน้ำมันในน่านน้ำพิพาท และเมื่อจีนได้ดำเนินการถมทะเลสร้างเกาะเทียมขึ้นในบริเวณหมู่เกาะสแปร็ตลีย์ ที่เวียดนามอ้างสิทธิอธิปไตย

“ทะเลตะวันออกเป็นพื้นที่พิพาทของภูมิภาค และโลกในเวลานี้ และในปีที่ผ่านมา จีนได้ถมทะเลขนาดใหญ่บนเกาะที่จมน้ำเพื่อทำให้เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น” ซาง กล่าวด้วยคำที่ฮานอยใช้เรียกทะเลจีนใต้

“เราเชื่อว่าการกระทำเหล่านี้ของจีนละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ” ซาง กล่าวโดยอ้างถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล และเพิ่มเติมว่ายังขัดต่อปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ที่ชาติสมาชิกอาเซียนบรรลุในปี 2545

ผู้นำเวียดนาม กล่าวว่า ความวิตกของเวียดนาม และชาติสมาชิกอาเซียนนั้นชัดเจน และง่ายที่จะเข้าใจเพราะการกระทำของจีนส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยทางทะเล และความมั่นคงในทะเลตะวันออก

ปธน.เวียดนาม ยังย้ำถึงความสำคัญของสภาพแวดล้อมอันสงบสุขตามเป้าหมายใหม่เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เพิ่งตกลงกันในที่ประชุมสหประชาชาติ

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้กล่าวในกรุงวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า จีนมีสิทธิที่จะปกป้องอธิปไตยของตัวเองในทะเลจีนใต้ ที่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน บรูไน และมาเลเซีย ต่างแข่งขันอ้างสิทธิเหนือเกาะเล็กๆ และแนวปะการัง โดยจีนถมทะเลราว 7,500 ไร่ ในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา ด้วยการดูดทรายจากพื้นมหาสมุทร และกำลังสร้างทางวิ่งขึ้นลงเครื่องบิน และอาคารต่างๆ บนเกาะที่สหรัฐฯ วิตกว่าอาจใช้ในการทหาร

ขณะที่ประธานาธิบดีซาง กล่าวอย่างจริงจังในกรณีจีน แต่กลับใช้ถ้อยคำอบอุ่นสำหรับสหรัฐฯ และคาดหวังถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

“ช่วงเวลาที่สหรัฐฯ ยกเลิกการห้ามค้าขายอาวุธร้ายแรงให้แก่เวียดนามอย่างสมบูรณ์จะเป็นการส่งสัญญาณให้ทั้งโลกได้รู้ว่า ความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐฯ ได้กลับสู่ระดับปกติอย่างเต็มที่ และไม่มีความไม่ไว้วางใจระหว่างกัน” ซาง กล่าว

เมื่อเดือน ต.ค.2557 สหรัฐฯ ประกาศอนุญาตขายอุปกรณ์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตเพื่อช่วยรักษาความมั่นคงทางทะเลของเวียดนาม แต่ฝ่ายบริหารของโอบามา ได้กล่าวว่า เวียดนามจำเป็นต้องปรับปรุงสภาพสิทธิมนุษยชนของประเทศเพื่อให้ความสัมพันธ์บรรลุศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน สมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐฯ ยังต้องการให้รัฐบาลเวียดนามแก้ไขประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประเทศก่อนได้รับสิทธิพิเศษในข้อตกลงการค้า TPP ที่อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งเวียดนามเป็น 1 ใน 12 ชาติในข้อตกลงที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์

ประธานาธิบดีซาง ได้แสดงความตั้งใจที่จะหารือประเด็นสิทธิมนุษยชนกับสหรัฐฯ และบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิมนุษยชนในเวลานี้ได้รวมอยู่ในรัฐธรรมนูญของเวียดนาม ส่วนการดำเนินการการออกกฎหมายจะมีขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อให้สิทธิเหล่านั้นดำเนินการในทางปฏิบัติ.
กำลังโหลดความคิดเห็น