รอยเตอร์ - จอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวยกย่องความสัมพันธ์ที่อบอุ่นกับเวียดนามเมื่อวันศุกร์ (7) แต่ระบุว่า ขอบเขตของความสัมพันธ์ และข้อตกลงทางทหารจะขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาลเวียดนามที่จะปกป้องสิทธิและเสรีภาพ
แคร์รี่ เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ รายล่าสุดที่เดินทางเยือนเวียดนามเพื่อฉลองวาระครบรอบ 20 ปี ของการมีส่วนร่วมนับตั้งแต่ฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับปกติที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงปีที่ผ่านมา
ในการกล่าวสุนทรพจน์เนื่องในวาระดังกล่าว แคร์รี่ ระบุว่า อุปสรรคของความไม่ไว้วางใจ และความเข้าใจผิดกำลังลดลง และเรียกร้องให้เวียดนามแสดงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการปฏิรูปกฎหมาย และให้เสรีภาพของการแสดงความคิดเห็น และการชุมนุม
“ความคืบหน้าในด้านสิทธิมนุษยชน และหลักนิติธรรมจะเป็นรากฐานสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ยั่งยื่นยิ่งขึ้น มีเพียงแค่คุณที่จะกำหนดการก้าว และทิศทางของกระบวนการ” แคร์รี่ กล่าว
แม้เวียดนามจะมีส่วนร่วมกับตะวันตก และปฏิรูปเศรษฐกิจ แต่เวียดนามยังถูกตำหนิเกี่ยวกับการปราบปรามผู้เห็นต่าง บล็อกเกอร์ นักเคลื่อนไหว และนักข่าวเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่เผชิญต่อการกดขี่ข่มเหง จับกุม และจำคุก
สหรัฐฯ เพิ่มการมีส่วนร่วมกับเวียดนามเพื่อเพิ่มอิทธิพลในเอเชีย และคานอิทธิพลจีน แต่สิทธิมนุษยชน และนักโทษการเมืองยังคงเป็นจุดที่ติดขัด
วอชิงตันอ้างความคืบหน้าบางส่วนเมื่อปีก่อน และเริ่มผ่อนคลายการห้ามค้าอาวุธอันตรายต่อเวียดนาม รวมทั้งอนุญาตการมีส่วนร่วมทางกลาโหม และการซ้อมรบร่วม
แคร์รี่ กล่าวแถลงข่าวร่วมกับ ฝ่าม บิ่ง มีง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศของเวียดนามว่า สิ่งที่จะช่วยผ่อนคลายข้อห้ามได้เพิ่มขึ้นคือ ประเด็นสิทธิมนุษยชน และว่าเวียดนามยังมีพื้นที่สำหรับปรับปรุงประเด็นนี้อีกมาก
“เราจะยังคงเรียกร้องให้เวียดนามปฏิรูปกฎหมายที่อาจใช้ในการจับกุม..บางคนที่แสดงความเห็นอย่างสันติ”
มีง กล่าวว่า การส่งเสริมสิทธิเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก และการปฏิรูปกฎหมายอยู่ในระหว่างการดำเนินการ แต่สิทธิในเวียดนามเป็นลักษณะเฉพาะตามบริบทของท้องถิ่นนั้นๆ แต่เวียดนามยินดีที่จะปรับปรุงการหารือที่แตกต่าง
แคร์รี่ เรียกร้องให้เวียดนามยอมรับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการชุมนุมที่ชาวเวียดนามหลายล้านคนแสดงความคิดเห็นบนเฟซบุ๊ก และแรงงานที่ชุมนุมปกป้องสิทธิของตัวเอง.