xs
xsm
sm
md
lg

เขมรแข็งจริงๆ ทำเวียดนามเซแซดไปไม่เป็น หยุดปักปันเขตแดนแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033>การชุมนุมประท้วงซึ่งนำไปสู่การปะทะ ที่ชายแดนด้าน จ.สวายเรียง เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2515 เป็นเหตุการณ์ขัดแย้งใหญ่ที่สุด ในระดับประชาชนต่อประชาชน ซึ่งทำให้รัฐบาลทั้งกัมพูชาและเวียดนาม ไม่อาจเพิกเฉยได้ สถานการณ์ในช่วงนี้เป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้รัฐบาลฮุนเซน ฮึดสู้ ฮานอย โดยมีพลังอำนาจพญามังกร ตระหง่านหนุนเนื่องอยู่เบื้องหลัง. -- ภาพ: วิทยุเสียงอเมริกา VOA ภาคภาษาเขมร. </b>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สัปดาห์ที่ผ่านมา กัมพูชาประสบความสำเร็จครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับพรมแดนกับเวียดนาม หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นการชะลอปัญหาออกไปเพื่อมิให้กลายเป็นเหตุบานปลาย สร้างความบาดหมางระหว่างสองประเทศ ทำให้ความสัมพันธ์ร้าวลึกลงไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่รัฐบาลฮุนเซน ดำเนินนโยบายหันไปพึ่งจีน ซึ่งทำให้เพื่อนบ้านที่เคยเป็นพี่ใหญ่อย่างเวียดนามปวดใจในขณะนี้

นับเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายอยู่ไม่น้อย เมื่อรัฐบาลประเทศหนึ่ง โดยผู้นำชุดเดิมที่เวียดนามนำขึ้นสู่อำนาจเมื่อ 36 ปีก่อน จะหันดาบหอกกลับไปทิ่มแทงผู้ที่ชุบเลี้ยงมาจนเติบใหญ่ เช่นที่เห็นในสัปดาห์ที่ผ่านมา

คณะกรรมการชายแดนระดับชาติของเวียดนาม และกัมพูชา ได้เปิดเจรจากันในกรุงพนมเปญ ระหว่างวันที่ 7-8 ก.ค.2558 นายวารกิมฮอง (Var Kim Hong) รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศอาวุโส ผู้รับผิดชอบเรื่องชายแดนของฝ่ายเจ้าภาพ นำคณะเข้าหารืออย่างเคร่งเครียด กับนายโห่ซวนเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม กับคณะที่ไปจากกรุงฮานอย

ผลการประชุมเจรจาสองฝ่ายได้ออกมาเกินความคาดหมาย เวียดนามได้ยอมรับที่จะหยุดการก่อสร้างที่ตั้งทางทหารแห่งหนึ่ง ที่บริเวณชายแดนด้าน จ.กันดาล ซึ่งเป็นใจกลางอีกแห่งหนึ่งในความขัดแย้งรอบใหม่ ยอมถมบ่อน้ำ 3 แห่ง ที่ฝ่ายเวียดนามขุดขึ้นมาเป็นแนวกั้นพรมแดนทางด้าน จ.มณฑลคีรี และยอม “ชะลอ” โครงการตัด ถนนเลียบแนวชายแดน ทางด้าน จ.สวายเรียง ยุติการก่อสร้างสิ่งสาธารณูปโภคทั้งหมดที่กำลังดำเนินอยู่ในบริเวณเดียวกันขณะนี้

สำนักข่าวกัมพูชารายงานรายละเอียดในเรื่องนี้ในวันศุกร์ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา อ้างเอกสารแถลงข่าวเกี่ยวกับผลการเจรจาที่ออกจากกระทรวงการต่างประเทศ ในกรุงพนมเปญ

นอกจากบ่อน้ำ จำนวน 3 แห่งที่เวียดนามยอมจะถมอย่างไม่เงื่อนไขแล้ว ยังมีอีก 5 แห่ง ที่จะมีการแต่งตั้งคณะทำงานทั้งสองฝ่ายลงไปสำรวจข้อเท็จจริงในภาคสนาม ซึ่งทั้งหมดเป็นรายละเอียดในเชิงปฏิบัติการ แต่ก็ได้สะท้อนให้เห็นภาพรวมว่า ฝ่ายเวียดนามได้ “หยุด” การปักปันเขตแดนในพื้นที่พิพาทต่างๆ ลงแล้ว

ย้อนกับไปดูรายงานของสำนักข่าวกัมพูชาก่อนหน้านั้น ซึ่งผลการเจรจาระหว่างวันที่ 7-8 กค. ได้ออกมาเป็นความตกลง 3 ข้อ คือ :

1.สองฝายได้ยอมรับรู้ร่วมกันว่า การกำหนดเส้นเขตแดน และการปักปันหลักแบ่งเขตแดนระหว่างทั้งสองประเทศนั้น “มีความสลับซับซ้อนมาก” ถึงแม้ว่าสองฝ่ายจะปักหลักเขตแดนสำเร็จไปแล้วจำนวน 83 หลักก็ตาม สองฝ่ายได้ตกลงจะหยุดการปักปันหลักเขตแดนลงในอนาคตอันใกล้นี้

2.สองฝ่ายได้ตกลงที่จะปฏิบัติจิตใจ และเนื้อในคำประกาศร่วม (Joint Declaration) ครั้งวันที่ 17 มกราคม 2538 ในการผดุงสถานการณ์ปัจจุบันตามแนวชายแดน

3.ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะให้อำนาจแก่คณะทำงานด้านเทคนิคชายแดนระหว่างสองประเทศ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวกับชายแดนในระดับจังหวัดระหว่างสองประเทศ ร่วมกันแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตามแนวชายแดนอย่างมีผลสัมฤทธิ์ เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ
.

2
<bR><FONT color=#000033>ก่อนหน้านี้เคยใช้แผนที่ชุดเดียวกันนี้ ยืนยันว่าเวียดนามไม่ได้ล้ำแดน วันนี้นายวาร กิม ฮอง รัฐมนตรีที่กำกับดูแลชายแดนของประเทศมาจวบชั่วอายุ งัดเอาแผนที่ฝรั่งเศสชุดเดิมๆ ออกแถลง เรียกร้องให้เวียดนามยุติการปักปันเขตแดน ซึ่งเป็นการแสดงความแข็งกร้าวที่ไม่เคยทำมาก่อน ไม่เคยมีการเรียกร้องแบบนี้มาก่อน .. แข็งจริงๆ. -- ภาพ: T2P.Com </b>
3
ข้อตกลงทั้งสามข้อมีความหมายที่ชัดเจนว่า ฝ่ายเวียดนามได้ตกลงจะหยุดดำเนินการทุกอย่างที่เกี่ยวกับการปักปันเขตแดน และการปักหลักเขตแดน ที่ฝ่ายค้านของกัมพูชา ยืนยันมาตลอดว่าได้กระทำการล่วงล้ำ “บุกยึด” เอาดินแดนทางภาคตะวันออกของกัมพูชาไปเป็นจำนวนมาก โดยรัฐบาลในกรุงพนมเปญสมยอม

ข้อตกลงข้อที่ 3 นั้น ได้สะท้อนให้เห็นสถานการณ์ที่สามารถคุกรุ่นขึ้นมาได้ทุกเมื่อ ตาม “จุดร้อน” ต่างๆ ที่แพร่ลามออกไป จากเดิมที่ปะทุขึ้นตามแนวชายแดน จ.กัมปงธม และ กัมปงจาม เมื่อหลายปีก่อน ลงไปจนถึง จ.สวายเรียง ซึ่งนายสัม รังสี ผู้นำฝ่ายค้าน ได้เคยนำราษฎรในพื้นที่ ถอนหลักไม้ที่ฝ่ายเวียดนามปักไว้ในผืนนาเพื่อกำหนดเส้นเขตแดน ส่งผลให้ผู้นำพรรคฝ่ายค้านถูกศาลตัดสินจำคุก 2 ปีในเวลาต่อมา ฐาน “ทำลายทรัพย์สมบัติของสาธารณะ” และ “ใช้เอกสารปลอม” ซึ่งหมายถึงแผนที่ที่ฝ่ายค้านจัดทำขึ้น แสดงให้เห็นเส้นพรมแดนที่ทำไว้โดยเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส

ครั้งนั้น นายรังสี ต้องระหกระเหินออกลี้ภัยนอกประเทศเป็นเวลาถึง 3 ปี ก่อนจะได้กลับอีกครั้งในช่วงเลือกตั้ง หลังจากรัฐบาลฮุนเซนได้ออกอภัยโทษ เพื่อลดความตึงเครียดทางการเมือง และเพื่อคะแนนนิยมของการเลือกตั้งปี 2556

ปัญหาความสงบตามแนวชายแดนกัมพูชา-เวียดนาม เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา พร้อมๆ กับการพิพาทพรมแดนด้านปราสาทพระวิหารกับไทย ที่เริ่มทวีความรุนแรง และพัฒนาขึ้นเป็นการใช้อาวุธ แต่ต่อมาปัญหาชายแดนทางด้านตะวันออก รัฐบาลฮุนเซนกลับแสดงการผ่อนปรนให้แก่ฝ่ายเวียดนามอย่างออกหน้า ท่ามกลางการกดดันของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน

มีอยู่หลายโอกาสที่ นายวารกิมฮอง นำแผนที่ออกแสดงเพื่อปกป้อง และยืนยันว่าการกระทำของฝ่ายเวียดนาม สอดคล้องต่อกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นไปตามแผนที่ที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว และเมื่อถูกถามบ่อยๆ เกี่ยวกับการกดดันของฝ่ายค้านเรื่องนี้ ฮุนเซนเคยโพล่งต่อหน้าสื่อมวลชนออกมาครั้งหนึ่ง ในทำนองที่ว่า .. จะไปรบกับเวียดนามเหรอ.. เชิญเลย ไม่มีใครเอาด้วยหรอก
.

<bR><FONT color=#000033>สส.พรรคกู้ช่าติกัมพูชา (National Rescue Party) ของนายสัมรังสี ใช้สถานการณ์นี้ สะสมคะแนน สำหรับการเลือกตั้ง ที่ยังเหลืออีกตั้ง 3 ปี พวกเขาโกยคะแนนนิยมจากประชาชน ได้อย่างมากมาย ไม่ต้องสงสัย .</b>
4

5

6
<bR><FONT color=#000033>แต่ทุกครั้ง ในทุกแนว ที่ฝ่ายกัมพูชารุกเข้าไป ก็จะเผชิญหน้ากับชาวเวียดนามในพื้นที่ นำไปสู่การปะทะครั้งแล้วครั้งเล่า มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ตำรวจเวียดนามจับไปก็มาก. -- T2P.Com  </b>
7
แต่วันนั้นถึงวันนี้สถานการณ์ได้พลิกผันเปลี่ยนไปมาก

ไม่กี่ปีมานี้ รัฐบาลกัมพูชาได้หันไปพัฒนาความสัมพันธ์กับจีนให้แน้นแฟ้นยิ่งขึ้น จีนได้กลายเป็นแหล่งเงินทุนใหญ่ที่สุดที่ใช้ในการสนับสนุนโครงการพัฒนาต่างๆ ของรัฐบาลฮุนเซน จีนได้เข้าช่วยเหลือพัฒนากองทัพราชอาณาจักรกัมพูชา ทั้งในด้านการให้เปล่าอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ หรือให้เงินกู้ผ่อนปรนเพื่อซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งอากาศยาน ช่วยก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างที่จำเป็นต่างๆ ของรัฐบาล และกองทัพ ตลอดจนช่วยกัมพูชาฝึกฝนบุคลากรของกองทัพ และยังเป็นหลังพิงทางการเมืองอย่างดี อีกด้วย

แต่ในขณะเดียวกัน จีนก็ได้เป็นผู้ลงทุนใหญ่ที่สุดในกัมพูชา เป็นเจ้าของสัมปทานที่ดินนับแสนๆ ไร่ ในโครงการลงทุนด้านอุตสาหกรรมการเกษตร เหมืองแร่ และนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง เป็นเจ้าของสัมปทานโครงการเขื่อนผลิตไฟฟ้าใหญ่น้อยอีกนับสิบแห่ง บริษัทน้ำมันจากจีนอย่างน้อย 3 แห่ง ยังเป็นเจ้าของสัมปทานแปลงสำรวจขุดเจาะหาน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ ทั้งในทะเลอ่าวไทยของกัมพูชา รวมทั้งแหล่งบนบก

ในขณะที่เวียดนามเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับจีน ในการกล่าวอ้างอธิปไตยเหนือหมู่เกาะใทะเลจีนใต้ กัมพูชากลับไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ สนับสนุนจุดยืนของเวียดนาม

ในขณะที่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย ซึ่งมีน่านน้ำติดทะเลจีนใต้ รวมทั้งในนามกลุ่มอาเซียน ต่างไม่เห็นด้วยต่อ “แผนที่จุดประ 9 จุด” หรือ “แผนที่รูปลิ้นวัว” ที่จีนทำขึ้น เพื่อกล่าวอ้างความเป็นเจ้าของพื้นที่ราว 80% ของน่านน้ำสากลแห่งนี้ กัมพูชากลับมีท่าทีวางเฉย การประชุมผู้นำอาเซียนเมื่อปี 2555 ที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพนั้น การโต้แย้งจากประเทศเจ้าภาพเกี่ยวกับความขัดแย้งเกี่ยวกับระบุชื่อจีน ทำให้อาเซียนไม่สามารถออกแถลงการณ์ร่วมใดๆ ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี

ในการประชุมผู้นำอาเซียนครั้งล่าสุด ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อนายฮอร์นัมฮอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ กลับถึงกัมพูชาก็ได้เปิดแถลงข่าวที่สนามบินโปเจินตง เรียกร้องไม่ให้อาเซียนทั้งกลุ่มยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ และควรปล่อยให้ประเทศคู่ขัดแย้งแก้ไขปัญหากันเองในลักษณะทวิภาคี อันเป็นจุดยืนของฝ่ายจีน ..
.


8

9
<br><FONT color=#000033>วันนี้การเผชิญหน้ากันตามแนวชายแดน ระหว่างประชาชนสองฝ่าย ขยายออกไปสู่หลายพื้นที่ ขอบเขตก็ใหญ่โตขึ้น และ ใช้ความรุนแรงมากขึ้น เรื่องแบบนี้ไม่เคยเป็นผลดีกับใคร รวมทั้งรัฐบาลฮุนเซน และ ไม่เป็นผลดีต่อทางการฮานอย ที่มองเห็นปักกิ่งอยู่ข้างหลังกัมพูชา. -- T2P.Com </b>
10
อย่างไรก็ตาม “ปฏิบัติการรักษาแผ่นดิน” ที่นำโดยพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ในช่วง 2 เดือนมานี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ ต่อการดำเนินโยบาย “โปรจีน” ของรัฐบาลฮุนเซน หากเป็นเรื่องการเมืองภายในประเทศโดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะยังเหลือเวลาอีก 3 ปีก็ตาม แต่ฝ่ายค้านก็ยังมองว่า อาจจะเป็นโอกาสดีที่สุดที่จะเขี่ยฮุนเซนให้พ้นจากอำนาจ โดยผ่านระบบที่ทำให้เขาเองครองเก้าอี้ผู้นำรัฐบาลติดต่อกันมายาวนาน 32 ปีอย่างไม่ขาดช่วง หลังจากการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในเดือน ก.ค.2556 พรรครัฐบาลตกต่ำอย่างเป็นประวัติการณ์

แต่ “ปฏิบัติการรักษาแผ่นดิน” ได้นำไปสู่การปะทะรุนแรง ระหว่างราษฎรกัมพูชาที่นำโดย ส.ส.พรรคกู้ชาติกัมพูชา ของนายรังสี ที่ข้ามพรมแดนเข้าไปยังฝั่งเวียดนาม โดยอ้างว่าเป็นดินแดนของกัมพูชา กับอีกฝ่ายหนึ่งเป็นราษฎรชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในพื้นที่พิพาท มีผู้บาดเจ็บจากการปะทะ และมีผู้ถูกตำรวจเวียดนามจับกุมไปหลายคน กระทรวงการต่างประเทศในกรุงฮานอย ได้ออกแถลงประณาม การกระทำดังกล่าว

ความรุนแรงรอบใหม่ตามแนวชายแดนได้ลามไปจนถึง จ.มณฑลคีรี ที่อยู่ไกลโพ้น ซึ่งการปะทะครั้งรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน มิ.ย. ตามมาด้วยการปะทะรอบใหม่ที่ชายแดนด้าน จ.สวายเรียง

กัมพูชา กับเวียดนามมีเส้นเขตแดนร่วมกันยาวประมาณ 1,270 กิโลเมตร ความขัดแย้งได้เกิดขึ้นในอาณาบริเวณที่ไม่มีพรมแดนธรรมชาติ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ในยุคใหม่สองฝ่ายได้ทำสนธิสัญญาเขตแดน และข้อตกลงการปักปันเขตแดนมาหลายฉบับ ซึ่งฝ่ายค้านกล่าวว่า ทุกสัญญา และข้อตกลงกัมพูชาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนสองประเทศ ไม่ว่าจะครั้งใดๆ ก็ตาม ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลฮุนเซนเองในด้านการเมืองภายในประเทศ และไม่เป็นผลดีต่อเวียดนาม ที่มองเห็นอำนาจอิทธิพลของจีนตระหง่านอยู่เบื้องหลังในกรุงพนมเปญ.

กำลังโหลดความคิดเห็น