ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ในเดือน มิ.ย.เพียงเดือนเดียว ลาวได้เปลี่ยนตัวเจ้าแขวงถึง 3 คน ตั้งแต่แขวงบ่อแก้ว ที่อยู่ติดชายแดน จ.เชียงราย ของไทย จนถึงบอลิคำไซทางด้าน จ.หนองคาย และแขวงหลวงน้ำทา ซึ่งเป็นหน้าด่านเข้าสู่มณฑลหยุนหนันของจีน การเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลอันมีลักษณะเป็นกระบวนการนี้มีขึ้นในขณะที่พรรคประชาชนปฏิวัติลาว กำลังจะเปิดการประชุมใหญ่ครั้งที่ 10 ขึ้นในต้นปีหน้า และพรรคสาขาต่างๆ เริ่มจัดประชุมเพื่อคัดเลือกผู้แทนไปประชุมในระดับประเทศที่จะมีขึ้น
นี่คือการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลในระดับสูงที่ดำเนินมาอย่างเป็นขั้นตอน เปรียบเป็นการ “ถ่ายเลือด” นำเอาคนรุ่นใหม่เข้าสู่กลไกการบริหารของพรรค และรัฐบาล ซึ่งในอนาคตอันใกล้บุคคลเหล่านี้จะได้เข้าเป็นกรรมการศูนย์กลางพรรค ในคณะกรรมการกลางพรรค อันเป็นหน่วยงานบริหารที่กำหนดนโยบายต่อทิศทางของพรรคทุกๆ 5 ปี ตามแบบฉบับของพรรคคอมมิวนิสต์ กับระบอบการเมืองแบบพรรคเดียวของประเทศ
กระบวนการเปลี่ยนแปลงระลอกใหม่ เริ่มขึ้นด้วยการประกาศแต่งตั้ง นายคำพัน เผยยะวง รองเจ้าแขวง ขึ้นเป็นเจ้าแขวงบ่อแก้ว แทนนายคำหมั่น สูนวิเลิด กรรมการศูนย์กลางพรรคที่ “ไปรับตำแหน่งใหม่ในกระทรวงภายใน” สำนักข่าวสารปะเทดลาวรายงานเรื่องนี้ รวมทั้งการรับมอบตำแหน่งในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน พ.ค. ซึ่ง นายบุนปอน บุดตะนะวง กรรมการกรมการเมือง รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจและการเงิน เป็นประธานในพิธี
การโยกย้าย นายคำหมั่น ที่อยู่ในคณะกรรมการพรรคมานาน 3 สมัย และปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 21 ยังเป็นการส่งสัญญาณว่า อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวเจ้ากระทรวงภายในด้วย ถึงแม้จะยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการในขณะนี้ก็ตาม
ในสัปดาห์ถัดมา การถ่ายเลือดใหม่เกิดขึ้นที่แขวงบอลิคำไซ อีกแห่งหนึ่ง ระหว่างการประชุมใหญ่ของพรรคแขวง ซึ่งที่ประชุมเลือก นายกองแก้ว ไซสงคาม รองเลขาพรรคแขวง ขึ้นเป็นเลขาคณะพรรค และเป็นเจ้าแขวงคนใหม่ แทนนายคำป้าน น้อยมะนี ซึ่งสื่อของท่างการไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ ว่าถูกย้ายไปประจำตำแหน่งอืนใด ทั้งนี้ นายคำป้าน เพิ่งได้เป็นกรรมการศูนย์กลางพรรคสมัยแรก ในการประชุมใหญ่ครั้งที่ 9 พรรคประชาชนปฏิวัติลาวต้นปี 2554
การประชุมใหญ่ของพรรค ไม่ว่าจะเป็นในระดับชาติ หรือพรรคสาขาในระดับใดก็ตาม ล้วนแต่เป็นเหตุการณ์ที่คึกคัก มีชีวิตชีวายิ่งของชาวคอมมิวนิสต์
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ปะเทดลาว การประชุมพรรคแขวงบอลิคำไซ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.นั้น มี พล.ต.อาซาง ลาวลี กรรมการกรมการเมือง และรองนายกรัฐมนตรี ไปร่วมเป็นเกียรติ มีผู้แทนจากทั่วแขวงเข้าร่วมประชุม 263 คน ในนั้นเป็นผู้แทนสมบูรณ์ 203 คน ซึ่งเป็นตัวแทนของสมาชิกพรรคทั่วแขวง จำนวน 9,627 คน และยังมีผู้แทนจากแขวงใกล้เคียง รวมทั้งจากนครเวียงจันทน์ ไปร่วมสังเกตุการณ์ด้วยเป็นจำนวนมาก
.
2
เดือน มิ.ย.กำลังจะผ่านไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงล่าสุดที่แขวงหลวงน้ำทา ที่อยู่เหนือแขวงบ่อแก้วขึ้นไป ซึ่งมีการรับมอบหน้าที่อย่างเป็นทางการ ระหว่างนายพิมมะสอน เลืองคำมา เลขาฯ พรรคแขวง/เจ้าแขวง คนเก่า กับ นายเพ็ดถาวอน พิลาวัน เลขาพรรคแขวง และเจ้าแขวงคนใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นรองเจ้าแขวงคนหนึ่ง นายสมสะหวาด เล่งสะหวัด กรรมการกรมการเมืองและรองนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติไปร่วมในพิธี
การเปลี่ยนแปลงผู้นำในระดับแขวง เป็นไปตามมติคณะกรรมการกรมการเมืองพรรค และออกมาเป็น “ดำรัสประธานประเทศ” ซึ่งประธานประเทศเอง เป็นเลขาธิการใหญ่ผู้นำสูงสุดของพรรค และยังเป็นประธานคณะเลขาธิการพรรค อันเป็นองค์คณะที่ดูแลงานประจำวันอีกด้วย
นายพิมมะสอน เป็นกรรมการศูนย์กลางพรรคในอันดับที่ 20 เป็นผู้บริหารสูงสุดของแขวงหลวงน้ำทา มาเป็นเวลากว่า 10 ปี และเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่อยู่ในวงการนำของประเทศมายาวนาน จากเมืองหลวงสู่ต่างแขวง การพ้นจากตำแหน่งครั้งนี้ ดูจะเป็นผลจากการประชุมใหญ่ครั้งที่ 7 ของพรรคแขวง ในช่วงปลายเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ที่เชื่อกันว่า “ดร.พิมมะสอน” ได้เกษียณจากทุกตำแหน่งในพรรคและรัฐบาล
ยังมีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ได้รับการความสนใจมากเป็นพิเศษก็คือ ในสัปดาห์แรกของเดือน ได้มีการแต่งตั้ง นายสันติพาบ พมวิหาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเงิน ไปรับตำแหน่งใหม่เป็นรองเจ้าแขวง ที่แขวงสะหวันนะเขต ซึ่งเป็นแขวงบ้านเกิดของบิดา สำนักข่าวของทางการกล่าวว่า เป็นตำแหน่งรองเจ้าแขวง ที่ตั้งเพิ่มขึ้นใหม่อีก 1 อัตรา และ นี่คือบุตรชายอีกคนหนึ่ง ของนายไกสอน พมวิหาน อดีตผู้นำสูงสุด ผู้นำการเปลี่ยนแปลงประเทศ มาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทุกวันนี้
สะหวันนะเขต เป็นแขวงใหญ่อันดับ 1 ในด้านเนื้อที่อันกว้างใหญ่ จากริมฝั่งแม่น้ำโขงชายแดนไทย ไปจดชายแดนเวียดนาม และเป็นอันดับ 2 ในด้านจำนวนประชากร เป็นเขตเศรษฐกิจและการลงทุนใหญ่แห่งภาคกลาง อุดมด้วยทรัพยากร มีศักยภาพสูงมากสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของประเทศ และยังเป็นแขวงศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งในระดับอนุภูมิภาคอีกด้วย
กระบวนการถ่ายเลือดใหม่สะท้อนออกมาให้เห็นตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ปี 2554 หลังการประชุมใหญ่พรรค และหลังการเลือกสมาชิกสภาแห่งชาติ (ผู้แทนราษฎร) ทั่วประเทศ ซึ่งนำเอาคนรุ่นใหม่สับเปลี่ยนตำแหน่งกับคนรุ่นก่อนเป็นจำนวนมาก
หลังจากนั้น ลาวยังได้ทำการ “ปรับเล็ก” คณะรัฐมนตรีอีกหลายครั้งในช่วงปีสองปีมานี้ ซึ่งบางครั้งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับแขวง รวมทั้ง 2 แขวงใหญ่ คือ ไซยะบูลี และจำปาสัก ด้วย
.
3
เดือน มี.ค.2557 ดร.เลียน ถิแก้ว จากไซยะบูลี ได้รับแต่งตั้งไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเงิน ต่อมาในเดือน ส.ค. ก็มีการแต่งตั้ง ดร.สอนไซ สีพันดอน บุตรชาย พล.อ.คำไต สีพันดอน อดีตผู้นำสูงสุดของประเทศอีกคนหนึ่ง ไปเป็นรัฐมนตรีหัวหน้าสำนักงานรัฐบาล (สำนักนายกรัฐมนตรี) .. จากต่างจังหวัดเข้าเมืองหลวง ซึ่งโดยทั่วไปถือเป็นการ “ไปดี”
ในคราวเดียวกันนี้ ก็มีการโยกย้าย ดร.นาม วิยะเกต จากสำนักนายกรัฐมนตรีไปเป็น เลขาพรรคแขวง/เจ้าแขวง แขวงอัตตะปือ แทน ดร.คำพัน พมมะทัด ที่ถูกโยกเข้าเมืองหลวง ไปเป็นรัฐมนตรี หัวหน้าห้องว่าการศูนย์กลางพรรค ซึ่งบุคคลหลังนี้ถือเป็นการ “ไปได้ดี” อีกคนหนึ่ง
ดร.นาม เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ถูกโยกจากเมืองหลวง ไปเป็นผู้บริหารแขวงเล็กๆ ที่มีประชากรทั่วแขวงรวมกันเพียง 110,000 คนเศษ และยังเต็มไปด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ ทำให้หลายฝ่ายมองว่า “เหมือนเป็นการลงโทษ” โดยอาจลืมไปว่า อัตตะปือ เป็นแขวงบ้านเกิดของ พล.ท.จูมมะลี ไซยะสอน เลขาธิการใหญ่พรรค และประธานประเทศ ซ้ำยังเป็นแขวงที่อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เป็นดินแดนแห่งการลงทุนอุตสาหกรรมการเกษตร และการผลิตกระแสไฟฟ้าส่งออก
นอกจากนั้น ดร.นาม มิใช่ใครอื่น หากเป็นบุตรชาย พล.ท.สมาน วิยะเกต ผู้นำปฏิวัติรุ่นที่ 2 อดีตกรรมการกรมการเมือง ผู้ชี้นำงานแนวคิดและทฤษฎีพรรคประชาชนปฏิวัติลาว
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุการณ์ล่าสุดในชีวิตการเมืองของลาว ในขณะที่การประชุมใหญ่ระดับพรรคแขวงทั่วประเทศยังคงดำเนินต่อไป และการประชุมใหญ่ผู้แทนทั่วประเทศครั้งที่ 10 ของพรรค ที่มีขึ้นทุกๆ 5 ปี จะมีขึ้นในอีกไม่นาน.