รอยเตอร์ - เจ้าของไร่กาแฟในเวียดนาม ประเทศผู้ผลิตเมล็ดกาแฟโรบัสต้าชั้นนำของโลกที่ใช้เป็นส่วนผสม และผลิตกาแฟสำเร็จรูป กำลังเปลี่ยนพื้นที่ส่วนใหญ่ไปให้แก่การปลูกพริกไทย ที่ราคากำลังพุ่งเร็วกว่ากาแฟถึง 8 เท่า
ราคาพริกไทยในเวียดนาม ประเทศที่เป็นทั้งผู้ผลิต และส่งออกพริกไทยดำรายใหญ่ที่สุดของโลก เพิ่มขึ้น 16% อยู่ที่ 184,000 ด่งต่อกิโลกรัม (8.45 ดอลลาร์) นับตั้งแต่ต้นปี 2557 เมื่อผลผลิตทั่วโลกน้อยกว่าความต้องการ แซงหน้าราคากาแฟ 2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน
พื้นที่ปลูกพริกไทยเริ่มบุกใจกลางเขตการเพาะปลูกกาแฟของเวียดนาม ในเขตที่ราบสูงภาคกลาง เมื่อต้นพริกไทยสามารถเติบโตได้ดีในสภาพดินเดียวกันกับการปลูกต้นกาแฟ โดยพืชทั้ง 2 ชนิด ใช้เวลา 3 ปีเท่ากันถึงจะเริ่มให้ผลผลิต
ต้นพริกไทยที่ปลูกในปีก่อนจะออกผลในปี 2560 และไร่กาแฟหลายแห่งได้เริ่มปลูกพริกไทยกันแล้ว และสามารถมองเห็นได้ชัดจากระยะไกล จากเสาสูงที่ใช้พยุงต้น
การปลูกพริกไทยใน จ.ดั๊กลัก จังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกกาแฟใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้เพิ่มพื้นที่ปลูกพริกไทยเป็น 2 เท่า ที่ 100,000 ไร่ นับตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งมากกว่าแผนของจังหวัดที่ตั้งเป้าจะปลูกต้นพริกไทยบนพื้นที่ทั้งหมด 93,750 ไร่ ภายในปี 2563 และรายงานระบุว่า พื้นที่ปลูกพริกไทยใน จ.ดั๊กลัก มีสัดส่วนเป็น 20% ของพื้นที่ปลูกพริกไทยรวมทั้งหมดของประเทศในปีก่อน
เวียดนาม ส่งออกพริกไทยดำไปยังสหรัฐฯ สิงคโปร์ รวมทั้งอินเดีย ที่เป็นประเทศผู้ผลิตเครื่องเทศรายใหญ่
นับตั้งแต่กระแสพริกไทยกำลังร้อนแรง การปลูกกาแฟใน จ.ซาลาย พื้นที่ผลิตกาแฟรายใหญ่อีกแห่ง ลดลงเหลือ 508,750 ไร่ ในปีนี้ จาก 520,000 ไร่ ในปี 2557 ส่วนผลผลิตกาแฟรวมทั้งหมดของเวียดนาม คาดว่าจะอยู่ที่ 28.67 ล้านถุงในฤดูกาลเพาะปลูก 2558/2559 เพิ่มขึ้น 1.8% จากฤดูกาลก่อน แต่ยังต่ำกว่าสถิติของปี 2556/2557 ที่ผลิตได้ทั้งหมด 29.83 ล้านถุง.