ASTVผู้จัดการออนไลน์ - การเลือกตั้งอีกสมัยหนึ่งยังอีกยาวไกล แต่เมื่อมองเข้าไปในกัมพูชา นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ยังมองเห็นสิ่งที่เรียกว่า “ราชวงศ์ฮุนเซน” มองเห็นฐานอำนาจอันมั่นคงตลอด 30 ปีที่่ผ่านมา และมองเห็นบุตรชายทั้ง 3 คนของท่านผู้นำ ที่กำลังโลดแล่น หรือกำลังเล่นโดยแยกบทบาทกัน แต่ทั้งหมดล้วนช่วยค้ำจุนบังลังก์ทอง ของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชทั้งสิ้น .. ในขณะนี้ก็มีอีกคนหนึ่ง ที่เมื่อก่อนเคยถูกมองเป็นแค่นักสังคมสงเคราะห์จิตอาสา เป็นม้านอกสายตา แสดงบทบาทอันโดดเด่นมากขึ้นทุกวัน ซึ่งว่ากันว่า.. คนนี้แหละ จะเป็นนารีขี่ม้าขาวอย่างแท้จริงในวันข้างหน้า
ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์พากันพลาดที่มองข้ามหญิงคนหนึ่งซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ข้างๆ บิดา กับพรรคประชาชนกัมพูชาอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด แต่ทว่า ลุ่มลึก .. และซึมลึกลงไปในหมู่รากหญ้า จนวงในการเมืองกัมพูชาเองอดจะพูดไม่ได้ว่า ท่านผู้หญิงน้อยฮุนมะนา (Hun Mana) เป็นคนที่ถูกวางตัวเอาไว้อย่างตั้งใจ เพื่อให้สืบทอดอำนาจ เมื่อบิดาอายุ 72 ปี ตามที่เคยประกาศเอาไว้ ..
สมเด็จฯ ฮุนเซน ประกาศเมื่อสัก 4 ปีที่แล้วว่า จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนอายุ 90 แต่ต่อมาก็ได้ลดเป้าหมายลงเหลือ 72 ปี หรือ “จนกว่าประชาชนจะไม่เลือก” และเมื่อต้นปีนี้ผู้นำที่ทรงพลังอำนาจก็ได้อยู่ในตำแหน่งติดต่อกันมาครบ 30 ปีพอดีๆ ไม่มีสะดุด ขณะที่อายุเพียง 62 ซึ่งถ้าหากเริ่มจากจุดนี้ท่านผู้นำยังจะอยู่ในอำนาจอีกเพียง 10 ปีเท่านั้น และการเลือกที่จัดขึ้นทุกๆ 5 ปี ก็จะมีขึ้นอีกครั้งกลางปี 2561
แต่ก่อนจะถึงวันนั้น หลายคนส่องกล้องไปยัง พล.ท.ฮุนมาเนต (Hun Manet) บุตรชายคนโตของสมเด็จฯ กับท่านผู้หญิงกิตติพฤฒิบัณฑิต ดร.บุนรานีฮุนเซน ในฐานะเป็นศูยย์กลางแห่งอำนาจปัจจุบัน.. ก็อาจจะไม่ผิด เพราะนี่คือ นายพลโทหนุ่มที่สุดของกองทัพราชอาณาจักรกัมพูชา ต.ค.ปีนี้จะครบ 37 ปี ไม่เพียงแต่จะมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นรองบัญชาการกองทัพคนหนึ่งเท่านั้น หากยังคุมกำลังหน่วยติดอาวุธทันสมัยที่สุดอย่างน้อย 2 กองพล กับอีก 1 กองพลน้อย ซึ่งมีหน้าที่อารักขาบิดาโดยตรง
.
2
3
หมายความว่า มันผู้ใดก็ตามที่พยายามยึดอำนาจโค่นล้มรัฐบาลฮุนเซน กับพรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชาโดยใช้กำลังทหาร ก็จะเป็นการฆ่าตัวตายมากว่าอย่างอื่น กองพลอารักขาผู้นำที่ตั้งอยู่ อ.ตาขะเมา (Takhamao) ชานกรุงพนมเปญ จะเป็นหน่วยแรกที่เคลื่อนกำลังจากที่ตั้ง ทั้งทางบกและทางอากาศ เพื่อปฏิบัติการโจมตีเร็ว ตามด้วยกองพลน้อย 70 (Brigade 70) หน่วยรบที่ติดอาวุธทันสมัยที่สุด ถูกฝึกมาเพื่อต่อต้านการก่อการรายโดยเฉพาะ
ท่านอัครมหาเสนาบดี จึงไม่สะทกสะท้านต่อเหตุการณ์ลูกโซ่แบบ “อาหรับสปริง” ในช่วงต้นปี 2554 ที่กลุ่มผู้นำที่อยู่ในอำนาจมายาวนานในโลกอาหรับ หลายยคนถูกโค่นเป็นแถวๆ จากการก่อหวอดประท้วงตามท้องถนน ซึ่งรวมทั้ง พ.อ.มูฮัมมาร์ กัดดาฟี แห่งลิเบีย กับ ฮอสนี มูบารัค แห่งอียิปต์ด้วย
.
.
.
พล.ท.ฮุนมาเนต ไม่ได้เติบใหญ่ขึ้นมาโดดๆ แต่มี “ลุงบัญ” หรือ พล.อ.เตียบัญ รัฐมนตรีกลาโหมผู้รู้ใจของบิดา ดูแลมาอย่างใกล้ชิด ให้การสนับสนุนมาตลอด แก้แทนคำครหาต่างๆ ทั้งด้วยวาจาและด้วยการกระทำ เพราะฉะนั้นไม่ช้าไม่นาน กองทัพแห่งราชอาณาจักร ก็จะถึงยุคที่มีนายพลเอกหนุ่มที่สุด และหล่อเหลาเอาการเป็นผู้นำในที่สุด
เคยมีคนถามว่า โปรโมตกันหนักมือไปหรือไม่? พล.อ.เตียบัญ ก็เคยตอบว่า “ช้าไปด้วยซ้ำ” ซึ่งก็ดูจะเป็นเช่นนั้น
มีนายพลคนไหนในกัมพูชาที่เรียนจบเวสต์พอยต์ เช่น พล.ท.มาเนต? และไม่เพียงแต่จบโรงเรียนนายร้อยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเท่านั้น บุตรชายสมเด็จฯ เตโช ยังจบ ป.โท จากสถาบันการป้องกันประเทศชั้นนำของสหรัฐฯ และข้ามฟากไปเรียนในอังกฤษ จนจบปริญญาดุษฎีบัณฑิตสาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยบริสทอลอีกด้วย เรียกว่าครบสูตรทั้งบู๊ทั้งบุ๋น
มีนายพลสักกี่คนที่เป็นวีรบุรุษระดับชาติ? คำตอบก็คือ ส่วนใหญ่ตายไปหมดแล้วในสงครามกลางเมืองกับเขมรแดงช่วงทศวรรษที่ 1970-1980 ที่ยังมีชีพอยู่ก็ชราภาพ เดินยักแย่ยักยัน และยุคโน้นก็ผ่านไปนานแล้ว พล.ท.มาเนต เป็นฮีโร่ในยุคใหม่ของคนรุ่นใหม่.. คงจำกันได้ดี ระหว่างการปะทะตามแนวชายแดนกับไทยปี 2553-54 “พล.ต.มาเนต” ในขณะนั้น อยู่ในคณะเสนาธิการ นำขบวนแนวรบ ตั้งแต่ปราสาทพระวิหาร ไปจนถึงปราสาทตาเมือน ออกแนวหน้าด้วยตัวเองจนปรากฏออกสื่อมาแล้วก็หลายครั้ง และในวันนี้มาเนตก็ยังคงแวะเวียนไปชายแดน
นั่นคือภาพรวมที่ยิ่งใหญ่มาก ในฐานะบุตรชายของท่านผู้นำที่รักชาติ รักแผ่นดินบ้านเกิด
.
4
5
พล.ท.มาเนต ยังขยันขันแข็งยิ่งในการสร้างความนิยม ปฏิบัติหน้าที่แทนบิดาในโอกาสสำคัญต่างๆ มาตั้งแต่ก่อนติด 3 ดาวบนบ่าเสียด้วยซ้ำ.. ไปเป็นประธานงานครบรอบกองพล และหน่วยรบต่างๆ เป็นประธานงานมอบปริญญาบัตรบัญฑิตใหม่ มอบรางวัลให้นักกีฬา มอบทุนการศึกษา ออกงานเยี่ยมเยือน และปลอบขวัญกำลังใจทหารในแนวหน้า ออกงานประชุมระดับอาเซียน เป็นประธานงานเปิดป้ายของบริษัทห้างร้าน จนถึงประธานงานพิธี งานยกช่อฟ้า-ใบระกา ฝังลูกนิมิต สร้างพระอุโบสถกับอีกสารพัด .. ทำมาหมดแล้ว และยังคงทำอยู่
พล.ท.มาเนต ยังได้ติดตาม “ลุงบัญ” มาเยือนไทยเป็นครั้งแรก เมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อสร้างสัมพันธ์อันดีต่อกลุ่มผู้นำใหม่หลังการรัฐประหารในประเทศไทย ตามนโยบายของท่านผู้นำ อีกด้วย
แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้บ่งชี้ว่า บุตรชายคนโตกำลังถูกปั้นเพื่อจะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี การทำเช่นนั้นย่อมเสี่ยงเกิน เพราะว่าทันที่ที่พ้นจากกองทัพ นายพลเอกฉับพลันก็กลายเป็นเพียง “มิสเตอร์” คนหนึ่ง ซึ่งในทางตรงข้ามนักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยกลับมองว่า พล.ท.มาเนต ถูกวางตัวเอาไว้คุมกองทัพแห่งราชอาณาจักร เป็นผู้พิทักษ์ราชวงศ์ฮุนเซน ตราบนานเท่านาน ถ้าหากไม่เกิดสถานการณ์แบบ “ไฟต์บังคับ” ขึ้นมา
เมื่อหันกล้องไปยังอีกสองหน่อ คือ ฮุนมานิต กับฮุนมณี น้องชายคนรองกับคนเล็ก ทั้งสองคนก็เช่นเดียวกันกับพี่ชาย คือ ต่างเรียนวิชาการทหารจากสถาบันชั้นนำในสหรัฐฯ ด้วยเงินของผู้เสียภาษีชาวอเมริกัน สำหรับมณียังพ่วงปริญญามหาบัณฑิตอีก 2 ใบ
ในการเลือกตั้งเดือน ก.ค.2556 ซึ่งเป็นยุคที่พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ตกต่ำสุดขีด มีลูกหลานของผู้นำระดับสูงของพรรครัฐบาลอย่างน้อย 7 คนลงสมัคร รวมทั้งสองพี่น้องครอบครัวฮุนเซน ด้วย “ทายาทผู้นำ” เหล่านี้เป็นหนึ่งในบรรดาคนรุ่นใหม่ในพรรค ขณะที่คนรุ่นเก่าราว 30% ได้เกษียณออกไป กับอีกจำนวนหนึ่งสอบตก
โตเร็วเหมือนพี่.. ปัจจุบันมานิต เป็นนายพลตรี นายพล 2 ดาว รั้งตำแหน่งหัวหน้าสำนักข่าวกรองทหาร กระทรวงกลาโหม ที่อยู่มาตลอด นอกจากนั้น ยังได้ชื่อเป็น “ลูกชายของแม่” ไม่ได้เป็นฝ่ายบู๊เหมือนบิดา หากเป็นบุตรที่ท่านผู้หญิงฯ ดร. โปรดปรานมากที่สุด ปัจจุบันยังควบตำแหน่งรองหัวหน้าสำนักงานนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลงานประจำวันของสมเด็จฯ เตโช และยังถูกตั้งเป็นประธานคณะกรรมการระดับชาติ แก้ไขปัญหาพิพาทที่ดินให้แก่ราษฎรทั่วประเทศอีกด้วย
.
.
น้องชายคนเล็ก ฮุนมณี ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ในกองทัพ แต่นอกจากจะเป็น ส.ส.แล้ว ก็ยังเป็นผู้นำของสหพันธ์ศูนย์กลางเยวชนแห่งชาติ ที่ทรงอิทธิพลในหมู่คนหนุ่มคนสาว มณี ยังเป็นคนเดียวที่ผ่าเหล่าผ่ากอ เกิดมาหัวเหน่ง เป็นคนเอิ๊กอ๊ากเฮฮา พูดคุยสนุก เป็นนักพูด ไร้บุคลิกผู้นำที่เคร่งขรึม ทั้งนี้ก็ต้องไม่ลืมว่า นี่คือทายาทอีกคนหนึ่ง ซึ่งจะต้องสืบทอดการเมือง ดูแลพรรคการเมืองที่เก่าแก่ยาวนาน ร่วมกับพี่ชายทั้งสอง และทายาทผู้นำคนอื่นๆ ของ CPP ที่ร่วมยุคเดียวกัน
.
6
7
**ว่าที่นายกฯ หญิงขยันงาน**
จากคุณหญิง (Chum Teav) ได้รับบรรดาศักดิ์พระราชทานเป็นท่านผู้หญิง “ล๊กจุมเตียว” (Lok Chumteav) เมื่อปี 2555 บิดาเป็นอัครมหาเสนาบดี ดร. ส่วนมารดาเป็นท่านผู้หญิงกิตติพฤฒิบัณฑิต ดร. อันเป็นตำแหน่งปราชญ์ราชบัณฑิตสูงสุดของประเทศ ถ้าหากบุตรีจะเป็นท่านผู้หญิงอีกคนก็ย่อมดูดีไม่มีอะไรดูขัดเขิน แต่บรรดาศักดิ์ก็ใช่ว่าได้มา เพราะว่าเป็นลูกสาวผู้นำสูงสุดของประเทศ หากด้วยการกระทำความดีที่ประจักษ์ยิ่งในสายตาสาธารณชน
คงจำกันได้ หลายปีก่อนลูกสาวคนโตของท่านผู้นำ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารโทรทัศน์บายน ได้รับแต่งตั้งเป็น “ผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี” ทำงานอยู่ข้างๆ บิดาอีกคนหนึ่งด้วย โดยมีคำอธิบายว่า “เพื่อให้การรายงานเหตุการณ์เกี่ยวกับรัฐบาลเป็นไปอย่างเที่ยงตรง ถูกต้องมากยิ่งขึ้น”
เป็นผู้อำนวยการ และเจ้าของข่ายโทรทัศน์บายน (Bayon TV) เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร นั่นก็คือเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง และยังประธานมูลนิธิบายน (Bayon Foudation) ซึ่งเป็นองค์กรแสวงหากำไร นำผลกำไรนั้นไปใช้เพื่อการกุศล ช่วยเหลือ สร้างบ้านให้คนยากจน คนด้อยโอกาส ให้การทุนการศึกษา จัดหน่วยแพทย์อาสาในนามสมเด็จฯ ให้ทุนหนุนโครงการพัฒนาท้องถิ่น สนับสนุนการรักษาพยาบาลสำหรับเด็กๆ ปลอบขวัญ-ช่วยเหลือทหารที่แนวหน้า ฯลฯ ท่านผู้หญิงน้อยทำมาแล้วทั้งสิ้น
หลายคนคงจะจำกันได้ดี เดือน ส.ค.2551 หลังเกิดกรณีพิพาทปราสาทพระวิหารกับไทยรอบแรก กล่องดวงใจของสมเด็จฯ เดโช คนนี้ออกทุนให้ทหารช่าง ปูลาดยางถนนยาว 80 กิโลเมตร จาก อ.อันลองแวง (Anlong Veng) จ.อุดรมีชัย (Oddar Meanchey) ไปยัง อ.จอมกสาน (Chom Ksan) จ.พระวิหาร เพื่อเปิดเส้นทางใหม่เข้าสู่ปราสาทมรดกโลก ใช้เงินของมูลนิธิบายนจ่ายล่วงหน้าโดยประกาศิตของบิดา ถนนลูกรังเมื่อก่อนกลายเป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ทันสมัย ไปมาสะดวก ทหารขนส่งลำเลียงได้ พลเรือนก็ได้ใช้ และเป็นครั้งแรกที่ชาวเขมรสามารถขึ้นไปยังปราสาทจากฝั่งกัมพูชาได้อย่างสะดวก ไม่ต้องไต่บันไดลิง ปีนป่ายไปตามหน้าผาชันกันอีก
คงจำกันได้ .. ฮุนมะนา คนเดียวกันนี้เคยนำมารดาพาไพร่พลขึ้นเขาไปทำพิธีทางศาสนา และบวงสรวงบนปราสาทโบราณอายุ 900 ปี ที่เป็นศูนย์กลางความขัดแย้งกับไทย ในท่ามกลางความตึงเครียด เนื่องจากทหารของสองฝ่ายยังคงเผชิญกันอยู่บนภู ฯลฯ
หลายฝ่ายเชื่อว่า ความขัดแย้งกับไทยเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2551 ซึ่งสมเด็จฯ เตโช ยืนยันจะกระทำการเพียงฝ่ายเดียว จนกระทั่งนำไปสู่การปะทะกับไทย แต่ก็ทำได้สำเร็จ และสำเร็จก่อนวันเลือกตั้ง ถือว่าเป็นจุดสุดยอดทางการเมืองของประเทศ เป็นชัยชนะของรัฐบาล ซึ่งทำให้ CPP ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นในเดือน ก.ค.ปีนั้น ในช่วงปีที่รัฐบาลกำลังเสื่อมความนิยมเป็นลำดับ อันเนื่องจากการทุจริตคอร์รัปชันอื้อฉาวของคนใน กับการปราบปราม-ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างสูง
แต่ 5 ปีถัดมา สถานการณ์ต่างๆ เหล่านั้นก็ไม่ได้ดีขึ้น การทุจริตคอร์รัปชันอื้อฉาวในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐยิ่งแผ่ลาม และเป็นข่าวหนาหูมากขึ้น การใช้กำลังทหาร ตำรวจ เข้าขับไล่ราษฎรออกจากพื้นที่ทำกิน เพื่อยึดเอาที่ดินไปประเคนโครงการลงทุนขาดใหญ่ ก็ยิ่งปรากฏชัด และพบเห็นได้ทั่วไป ทั้งในกรุงพนมเปญ และจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ การเป็นไม้เบื่อไม้เมากับไทยคำรบที่สองในช่วงปี 2553-2554 กรณีปราสาทพระวิหาร จึงไม่ได้ช่วยให้ฝ่ายรัฐบาลประสบความสำเร็จอีกครั้ง ในการเลือกตั้งเดือน ก.ค.2556 ซึ่ง CPP สูญที่นั่งในสภาผู้แทนฯ ไปเกือบ 30% ให้แก่พรรคฝ่ายค้านของนายสัมรังสี ที่รู้จักใช้โชเชียลมีเดียเป็นเครื่องมืออันทรงพลังรณรงค์การสนับสนุนจากคนหนุ่มสาวยุคใหม่ที่มีการศึกษาดี
2556 จึงเป็นปีที่ลูกๆ ต้องทำงานหนักยิ่งขึ้น เพื่อช่วยบิดาประคับประคองสถานการณ์ และหลายฝ่ายเริ่มจับตาบทบาทหลังฉากของท่านผู้หญิงฮุนมะนา ซึ่งเชื่อกันว่าในที่สุดก็จะต้องทะยานออกนำหน้า ในวงการเมืองของประเทศอีกคนหนึ่ง ก่อนบิดาจะพ้นจากอำนาจ
บทบาทของท่านผู้หญิงน้อยยิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีก ในท่ามกลางสถานการณ์ที่พรรคฝ่ายค้าน ทำตัวเป็น “จอมเสียบ” หันไปเป็นญาติดีกับ CPP ต่อรองเก้าอี้ และตำแหน่งในรัฐสภา กระทั่งในรัฐบาล เสียงสนับสนุนทั้งใน และต่างประเทศที่เคยเป็นปึกแผ่นแน่นหนา ด้วยหวังจะเห็นการปฏิรูปทางการเมืองที่นำโดยพรรคฝ่ายค้าน ก็เริ่มแตกกระสานซ่านเซ็น.
8
8
10
11
12
13
14
15
16