เอพี - รถบรรทุกหลายคันเตรียมพร้อมในวันเสาร์ (17) พยายามที่จะเข้าช่วยเหลือชาวบ้านมากกว่า 1,000 คน ที่ติดอยู่ใน 2 หมู่บ้าน ในรัฐกะฉิ่นของพม่า ท่ามกลางการต่อสู้รุนแรงที่เกิดปะทุขึ้นระหว่างกองกำลังทหารของรัฐบาล และกลุ่มกบฏติดอาวุธ
ผู้ประสบภัยรวมทั้งเด็กเล็กต่างหาที่หลบภัยตามวัดวาอาราม และโบสถ์คริสต์ แกม อ่อง ชาวบ้านในหมู่บ้านโลนขิ่น ซึ่งตั้งอยู่ในระยะที่สามารถได้ยินเสียงการสู้รบ ระบุ
“ทุกคนต่างตกใจกลัว” ทิน โซ สมาชิกพรรคฝ่ายค้านที่อยู่ศัยอยู่ในพื้นที่ กล่าว
ด้านโฆษกฝ่ายกลุ่มกบฏชาติพันธุ์ระบุว่า ทหารติดอาวุธหนักขัดขวางความพยายามที่จะเคลื่อนย้ายชาวบ้านไปยังที่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความเห็นจากฝั่งรัฐบาลในเวลานี้
พม่าอยู่ภายใต้การปกครองระบอบเผด็จการมาจนกระทั่งปี 2554 และรัฐบาลพลเรือนของประธานาธิบดีเต็งเส่ง เป็นหัวหอกในการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตย หนึ่งในการปฏิรูปประเทศของเต็งเส่ง คือ ความพยายามที่จะยุติสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อนานหลายทศววรษตามพื้นที่พรมแดนก่อนวาระการปกครองของตัวเองจะสิ้นสุดลงในปลายปีนี้
ฝ่ายบริหารของเต็งเส่ง เห็นชอบในข้อตกลงสงบศึกกับกลุ่มก่อความไม่สงบ 14 กลุ่ม แต่กบฏกะฉิ่น ยังคงยืนกรานเรียกร้องสิทธิปกครองตัวเองก่อนลงนาม
ความรุนแรงรอบล่าสุดที่ปะทุขึ้นมาเมื่อวันพฤหัสบดี หลังสมาชิกของกองทัพกะฉิ่นอิสระ (KIA) เข้าจับตัวรัฐมนตรีคมนาคม ประจำรัฐ ที่กำลังเดินทางในพื้นที่เป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนปล่อยตัวเป็นอิสระ ตามการรายงานของหนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนมาร์ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย ที่ติดตามมาด้วยนั้นยังคงอยู่ในมือของฝ่ายกบฏ
การต่อสู้ระหว่างกองทัพทหาร และกองทัพกะฉิ่นอิสระ ปะทุขึ้นในปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่สัญญาสงบศึก 17 ปีสิ้นสุดลง นับแต่นั้น ชาวกะฉิ่นมากกว่า 100,000 คน กลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่ และฝ่ายกบฏเสียดินแดนมากขึ้นเรื่อยๆ และถูกกดดันเข้าใกล้พรมแดนจีน.