xs
xsm
sm
md
lg

ลาวห้ามยาวไม่ออกใบอนุญาตลงทุนทำสวนยาง-ยูคาลิปตัส เหมืองแร่ทุกชนิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><i><FONT color=#000033>นายกรัฐมนตรีลาวทองสิง ทำมะวง กับ นายสินละวง คุดไพทูน -- ซ้ายสุด--  เจ้าครองนคร (ผู้ว่าราชการ) เวียงจันทน์ พบปะเกษตรกรกับเจ้าของโรงสี ในเขตเมือง (อำเภอ) หาดทรายฟองเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นเวลากว่า 2 ปีที่รัฐบาลไม่ออกใบอนุญาตให้แก่โครงการลงทุนใหม่ เพื่อทำสวนยางพารากับป่ายูคาลิปตัส และโครงการเกี่ยวกับเหมืองแร่ทุกชนิด การประชุมรัฐบาลสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรากฏชัดเจนว่า ลาวมีความห่วงใยต่อผลกระทบด้านเสบียงอาหาร หลังจากพบว่าพื้นที่เพื่อกสิกรรมมีน้อยลงเรื่อยๆ. -- ภาพ: สำนักข่าวสารปะเทดลาว.</i>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลลาวยังไม่ออกใบอนุญาตให้แก่โครงการลงทุนใหม่ใน 3 แขนงเศรษฐกิจการลงทุนของต่างขาติ ซึ่งได้แก่ การทำสวนยางพารา ปลูกป่ายูคาลิปตัส และการสำรวจแร่ธาตุทุกชนิดเพื่อทำเหมือง หลังจากได้ห้ามมาตั้งแต่ปี 2555 โดยคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบมาตรการห้ามดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง ระหว่างการประชุมเต็มคณะ วันที่ 22-24 ก.ย. ที่ผ่านมา สื่อของทางการรายงาน

รัฐบาลลาวได้ออกหนังสือลงวันที่ 11 มิ.ย.2555 ห้ามออกใบอนุญาตให้แก่โครงการสำรวจ หรือการลงทุน ใน 3 แขนงดังกล่าว ในขอบเขตทั่วประเทศ หลังจากได้มีการสำรวจศึกษา และพบว่าส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ การตัดไม้ทำลายป่า และการเบียดยึดที่ดินทำกินของราษฎร ซึ่งทำให้เกิดปัญหาทางสังคม กับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจอื่นๆ ติดตามมา

พร้อมๆ กับใช้มาตรการห้ามออกใบอนุญาตใน 3 แขนงการลงทุนต่อไป ที่ประชุมรัฐบาลยังมีการพิจารณาออกความเห็นต่อบทรายงาน การส่งเสริมการผลิตเป็นสินค้า และโครงการค้ำประกันด้านเสบียงอาหาร ซึ่งจากการสำรวจได้พบว่า ปัจจุบันทั่วประเทศมีที่ดินเพื่อการเพาะปลูกราว 4.5 ล้านเฮกตาร์ (28 ล้านไร่เศษ) หรือเท่ากับ 19% ของพื้นที่ทั้งหมด แต่ในทางปฏิบัติจริงมีที่ดินที่สามารถเพาะปลูกได้จริงประมาณ 2 ล้านเฮกตาร์ (12.5 ล้านไร่) เท่านั้น

เพื่อให้มีหลักประกันด้านเสบียงอาหาร รัฐบาลได้มอบหมายให้ 2 แขวง (จังหวัด) ภาคกลาง ซึ่งได้แก่ แขวงคำม่วน กับสะหวันนะเขต เป็นแขวงตัวอย่างในการใช้ที่ดินเพาะปลูกที่มีอยู่แล้ว และบุกเบิกเนื้อที่ใหม่เพื่อการปลูกข้าว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการผลิตข้าวเปลือก 3.1 ล้านตันต่อปี ในขณะที่ประชากรของประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 7.8 ล้านคน หนังสือพิมพ์ลาวพัดทะนา ซึ่งเป็นของสมาคมนักข่าวแห่งชาติรายงาน

กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ของลาวประกาศเมื่อไม่นานมานี้่ว่า ทั่วประเทศมีขีดความสามารถที่จะผลิตข้าวเปลือกได้ 4 ล้านตันต่อปี ในระยะ 5 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งจะทำให้มีข้าวเหลือส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1 ล้านตันต่อปี จาก 6 แสนตันต่อปีในปัจจุบัน ทั้งนี้ เป็นตัวเลขในรายงานต่อการประชุมของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ห้ามออกใบอนุญาตการลงทุนใน 3 แขนงนอดนิยมในอดีต ลาวไม่มีการสั่งห้ามการออกใบอนุญาตการสำรวจศึกษา หรือการก่อสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำ ซึ่งเป็นแขนงลงทุนที่ได้รับความสนใจมากเป็นอันดับ 1 จากนักลงทุนต่างประเทศ และยังมีการออกใบอนุญาต เซ็นบันทึกช่วยความจำ หรือเอกสารความตกลงเกี่ยวกับเขื่อนเป็นระยะๆ ทำให้เกิดโครงการเขื่อนใหญ่น้อยอีกหลายสิบแห่ง

กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ของลาว ประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่า กำลังจะมีการสำรวจเขื่อนอีกนับ 100 โครงการในช่วงปีนี้กับปีข้างหน้า ในขณะที่เขื่อนอีกกว่า 80 โครงการกำลังอยู่ในขั้นตอนสำรวจศึกษา เตรียมการเพื่อเซ็นสัญญา เตรียมการก่อสร้าง หรืออยู่ระหว่างการก่อสร้าง
การประชุมระหว่างวันที่ 22-24 ก.ย. ซึ่งมีนายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เป็นการประชุมประจำปีงบประมาณ 2556-2557 เพื่อพิจารณาหลายปัญหาที่มีความสำคัญของประเทศ ซึ่งรวมทั้งการรับรองรายงานการปฏิบัติแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ของบรรดากระทรวงต่างๆ และพิจารณรับรองแผนงวบประมาณของรัฐบาลประจำปีงบประมาณ 2557-2558 และการเตรียมการเข้าร่วมเป็นสมาชิกประชาคม (เศรษฐกิจ) อาเซียนด้วย ลาวพัดทะนากล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น