ซินหวา - ผลการศึกษาที่เผยแพร่วานนี้ (7) ระบุว่า กัมพูชาจะสามารถประหยัดเงินได้เกือบ 100 ล้านดอลลาร์ ใน 5 ปีข้างหน้า หากกฎหมายการสวมหมวกนิรภัยของผู้โดยสาร (ผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์) ผ่านมติในปีนี้
การศึกษาเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย และการช่วยชีวิตของกฎหมายหมวกนิรภัยสำหรับผู้โดยสาร ที่จัดทำขึ้นโดยมูลนิธิป้องกันอุบัติภัยแห่งเอเชีย (AIP) มีเป้าหมายที่จะชักชวนให้รัฐบาลกัมพูชาออกกฎหมาย และบังคับใช้ร่างกฎหมายจราจรที่เกี่ยวกับการบังคับใช้หมวกนิรภัยของผู้โดยสารในทันที
“หากกฎหมายหมวกนิรภัยผู้โดยสารผ่านในปี 2557 และบังคับใช้ในต้นปี 2558 อัตราการใช้หมวกนิรภัยในกลุ่มผู้โดยสารคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 7% เป็น 55% ในปี 2558 และเพิ่มขึ้นปีละ 5% เรื่อยมาจนถึง 80% ในปี 2563” ผลการศึกษา ระบุ
“ผลคือจะช่วยป้องกันการสูญเสียชีวิตได้ราว 561 ราย เลี่ยงเหตุบาดเจ็บศีรษะ 10,572 ราย และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายราว 98.6 ล้านดอลลาร์ ในระหว่างปี 2558-2563”
ผู้อำนวยการ AIP ประจำกัมพูชา กล่าวว่า ผลวิเคราะห์นี้แสดงให้เห็นถึงเหตุผลที่กฎหมายใหม่เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนในกัมพูชา
“เราสนับสนุนผู้เกี่ยวข้อง คู่ค้า และสื่อ ใช้หลักฐานนี้ในการสนับสนุนความพยายามที่จะให้รัฐบาลอนุมัติ และประกาศบังคับใช้ร่างกฎหมายเพื่อบรรลุเป้าหมายการใช้หมวกนิรภัย 80% ภายในปี 2563” ผู้อำนวยการ AIP กล่าว
เลขาธิการคณะกรรมการความปลอดภัยทางถนนแห่งชาติ กล่าวว่า การศึกษายืนยันว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการในทิศทางที่ถูกต้องที่จะใช้กฎหมายบังคับให้ผู้โดยสาร รวมทั้งเด็ก สวมหมวกนิรภัย
ในปี 2556 อุบัติเหตุจราจรได้คร่าชีวิตผู้คนไป 1,950 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 5,670 คน ประเทศต้องเสียค่าใช้จ่ายราว 300 ล้านดอลลาร์ต่อปี.