เอเอฟพี - บริษัทชั้นนำของพม่าเรียกร้องจีนให้ปรับปรุงการดำเนินการการลงทุนในประเทศ ท่ามกลางการตรวจสอบพิจารณาอย่างละเอียดมากยิ่งขึ้นในโครงการของจีน ที่บางครั้งก่อให้เกิดความขัดแย้ง
จีนถือเป็นพันธมิตรระยะยาวของพม่า ที่มีสัดส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในพม่าราว 33% และถูกมองว่าเป็นคู่ค้ารายสำคัญ แต่การปฏิรูปการเมืองของพม่าที่ทำให้มาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกที่มีต่อพม่ายุติลงนั้น ได้เพิ่มความหวังว่า การลงทุนจากต่างชาติจะขยายตัวมากขึ้น
“ไม่เพียงแค่ธุรกิจของชาวจีนเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ในเวลานี้ เราต้องการสื่อสารว่าประเทศต่างๆ กำลังมุ่งความสนใจมาที่พม่า” เอ ละวิน จากสมาพันธุ์หอการค้าและอุตสาหกรรมสหภาพพม่า กล่าว
ในการพูดคุยกับคณะผู้แทนนักธุรกิจชาวจีนที่เดินทางเยือนพม่า นายเอ ละวิน ระบุว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับนักลงทุนจากฝั่งจีน และเรียกร้องให้นักลงทุนชาวจีนปฏิบัติตามมาตรฐานสากล และดำเนินการด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และสภาพแวดล้อม
ในยุครัฐบาลเผด็จการทหารของพม่าที่มัวหมองไปด้วยปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน พม่าได้รับความคุ้มครองจากอำนาจทางเศรษฐกิจ และสิทธิยับยั้งในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ของจีน และในแง่การตอบแทน จีนมั่นใจถึงความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างมั่นคงกับเพื่อนบ้านแห่งนี้ รวมทั้งการเข้าถึงแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของพม่า เช่น เหล็ก ไม้ และอัญมณี รวมทั้งการมีส่วนในโครงการเขื่อนไฟฟ้าจำนวนมาก
บรรดาผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า ความวิตกเกี่ยวกับอำนาจของจีนเป็นสิ่งกระตุ้นให้รัฐบาลเผด็จการทหารสละอำนาจของตัวเอง และเปิดทางให้แก่รัฐบาลกึ่งพลเรือนขึ้นบริหารประเทศในปี 2554
ประธานาธิบดีเต็งเส่ง ได้ยืนยันถึงความเป็นอิสระของตนเองอย่างรวดเร็ว ด้วยการสั่งระงับการทำงานโครงการเขื่อนยักษ์ที่จีนสนับสนุนซึ่งถูกประชาชนต่อต้านอย่างมากในปี 2554
และในเดือน ก.ค. พม่าได้แก้ไขข้อตกลงโครงการเหมืองทองแดงกับบริษัทจีน หลังเกิดการชุมนุมประท้วงต่อต้านโครงการนี้หลายระลอก และนำไปสู่การปราบปรามอย่างรุนแรงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ.