เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-อดีตประธานาธิบดีอัลเบร์โต ฟูจิโมริ แห่งเปรู จะถูกนำตัวเข้ารับการตรวจรักษาในโรงพยาบาลอีกครั้ง หลังพบการกลับมาของโรคมะเร็งบริเวณลิ้น ขณะที่รัฐบาลชุดปัจจุบันของเปรูปฏิเสธคำขอนิรโทษกรรมของฟูจิโมริ โดยให้เหตุผล ฟูจิโมริก่อกรรมทำเข็ญกับประเทศและประชาชนมามาก สมควรรับโทษตามกฏหมายบ้านเมือง
ฟูจิโมริ วัย 75 ปีซึ่งมีเชื้อสายญี่ปุ่นกำลังอยู่ระหว่างรับโทษจำคุก 25 ปีในเรือนจำทหาร หลังจากถูกตัดสินในปี 2009 ว่ากระทำความผิดฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนระหว่างที่เขาครองอำนาจในช่วงปี 1990-2000 โดยล่าสุด เคนจิ ฟูจิโมริ บุตรชายของเขาซึ่งเป็นสมาชิกรัฐสภาออกมาเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (28) โดยยอมรับว่า บิดาของเขาจะถูกนำตัวไปยังโรงพยาบาล “INEN” ในกรุงลิมา ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการรักษาโรคมะเร็ง หลังจากพบการกลับมาของมะเร็งร้ายบริเวณลิ้น ที่อดีตผู้นำเปรูเคยรับการผ่าตัดไปแล้ว
นอกจาก อัลเบร์โต ฟูจิโมริจะถูกตัดสินความผิดในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชนไปแล้ว อดีตผู้นำเปรูรายนี้ยังอยู่ระหว่างการถูกพิจารณาคดีทุจริต จากข้อกล่าวหาที่ว่าเขาทำการ "ยักยอก" งบประมาณของกองทัพราว 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1,283 ล้านบาท) ไปใช้สนับสนุนการหาเสียงของตัวเอง
ก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน ประธานาธิบดีโอญันตา อูมาลา ผู้นำคนปัจจุบันของเปรูเพิ่งปฏิเสธคำร้องของฟูจิโมริ ในการขอนิรโทษกรรม แม้ฟูจิโมริจะอ้างเหตุผลด้านสุขภาพที่ย่ำแย่ โดยประธานาธิบดีอูมาลายืนยันว่า ปัญหาสุขภาพของฟูจิโมริ ไม่สามารถลบล้างความผิดในอดีตที่ฟูจิโมริกระทำไว้กับประเทศชาติและประชาชนได้
ทั้งนี้ อัลเบร์โต ฟูจิโมริถูกบีบให้สละอำนาจเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ปี 2000 หลังจากครองอำนาจมายาวนานตั้งแต่กลางปี 1990 ซึ่งฟูจิโมริได้รับการยกย่องจากผลงานในการสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจของเปรู และปราบปรามขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงรูปแบบการปกครองที่เป็นเผด็จการ และทำการทุจริตอย่างเป็นระบบ
โดยหลังจากถูกบีบให้ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น ฟูจิโมริได้หนีไปลี้ภัยในญี่ปุ่น แต่ในที่สุดรัฐบาลญี่ปุ่นก็ตัดสินใจส่งตัวเขาเป็น “ผู้ร้ายข้ามแดน” กลับมารับการไต่สวนที่เปรู จากความผิดฐานโกงกินและละเมิดสิทธิมนุษยชน