ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เวียดนามกับรัสเซีย ได้เซ็นรับมอบเรือดำน้ำลำแรกในวันพฤหัสบดี 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะเจ้าหน้าที่อูต่อเรือแอดมิรัลตี (Admiralty Shipyard) กล่าวว่า ลำที่ 2 จะส่งมอบในเดือน พ.ค.ปีหน้า และลำที่ 3 ในช่วงปลายปี ซึ่งจะทำให้กองทัพเรือเวียดนามมีอานุภาพสูงขึ้น มีอำนาจในการต่อรองมากยิ่งขึ้นในกรณีพิพาททะเลจีนใต้
พิธีเซ็นรับมอบทางเทคนิคจัดขึ้นที่อู่ต่อเรือในนครเซ็นปีเตอร์สเบิร์ก ตามกำหนด ระหว่าง พล.ร.ท.ฝ่ามหง็อกมีง (Pham Ngoc Minh) รองผู้บัญชาการกองทัพเรือเวียดนาม กับนายอเล็กซานเดอร์ บูซาคอฟ (Alexander Buzakov) ซีอีโอของอู่ต่อเรือดังกล่าว สำนักข่าวโนวอสติ (RIA Novosti) ของทางการรัสเซียรายงาน
เรือดำน้ำนครฮานอย (HQ-182 Hanoi City) จะส่งไปยังเวียดนามในวันที่ 11 พ.ย.นี้ โดยบรรทุกบนเรือบักลำเลียงขนส่งขนาดใหญ่ แบบเดียวกับที่เคยนำเรือดำน้ำชิ้นคิโลรุ่นเก่าไปส่งให้กองทัพเรือจีนเมื่อกว่า 10 ปีก่อน จะมีพิธีรับมอบอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งเมื่อไปถึงเวียดนามในเดือน ม.ค.2557 สำนักข่าวของรัฐบาลกล่าว
ในขณะเดียวกัน อู่แอมิรัลตีกำลังทดลอง ทดสอบ และปรับปรุงเรือลำที่ 2 ของเวียดนามคือ เรือนครโฮจิมินห์ (HQ-183 Ho Chi Minh City) ตามขั้นตอน และมาตรฐานของอุตสาหกรรม เพื่อส่งมอบในเดือน พ.ค.ปีหน้า โนวอสติกล่าว
ปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา อู่ต่อเรือแห่งเดียวกันนี้ได้จัดพิธีปล่อยเรือดำน้ำลำที่ 3 ของเวียดนามลงน้ำ คือ เรือนครหายฝ่อง (HQ-184 Hai Phong City) และกำลังประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ตามกระบวนการผลิตก่อนเข้าสู่กระบวนการทดสอบ ทดลอง และติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดปีข้างหน้า จะส่งมอบให้เวียดนามได้ในช่วงปลายปี
ในเดือน ธ.ค.2552 เวียดนามเซ็นสัญญาซื้อเรือดำน้ำชั้นคิโลรุ่นปรับปรุง (Improved Kilo-Class) จำนวน 6 ลำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัสเซียเคยเปิดเผยว่า มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นราว 2,000 ล้านดอลลาร์ ในแพกเกจใหญ่ โดยรัสเซียจะจัดสร้างอู่จอด ศูนย์ฝึกอบรมทหาร กับเจ้าหน้าที่ประจำการ รวมทั้งการฝึกอบรมบุคลากรฝ่ายต่างๆ ให้กองทัพเรือเวียดนามด้วย
ยังไม่เคยมีการเปิดเผยว่ามูลค่าซื้อขายดังกล่าวได้รวมระบบอาวุธด้วยหรือไม่ และยังไม่เคยมีการเปิดเผยเช่นกันว่า เรือดำน้ำของเวียดนามจะใช้ระบบอาวุธชนิดใดบ้าง ในขณะที่สื่อกลาโหมบางสำนักตั้งคำถามเป็นไปได้หรือไม่ที่เวียดนามจะหันไปติดอาวุธของโลกตะวันตกบนเรือดำน้ำทั้ง 6 ลำ หรือจำนวนใดจำนวนหนึ่ง
สื่อในฝรั่งเศสรายงานเมื่อเดือนที่แล้วเกี่ยวกับฝรั่งเศสตัดสินใจขายระบบจรวดยิงเรือเอ็กโซเซต์ MM40 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดให้เวียดนาม เพื่อติดตั้งบนเรือคอร์แว็ตต์ 2 ลำ ที่ซื้อจากเนเธอร์แลนด์ รวมทั้งระบบจรวดต่อสู้อากาศยานอีกชนิดหนึ่ง โดย 2 ฝ่ายจะเซ็นความตกลงซื้อขายกันในเร็วๆ นี้
.
ปล่อยเรือลำที่สาม 28 ส.ค.56 Admiralty Shipyard
2
3
4
5
6
7
ตามข้อมูลทางเทคนิค เรือชั้นคิโลปรับปรุงมีระวาง 3,100-3,900 ตัน ยาว 74 เมตร กว้างสุด 9.9 เมตร ดำน้ำได้ลึกสุด 300 เมตร ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 6,800 แรงม้า กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 1,000 กิโลวัตต์ ให้ความเร็ว 12-25 นอต (22-46 กม./ชม.) ปฏิบัติการต่อเนื่องได้ในระยะทาง 12,000 กม. ใช้ลูกเรือทั้งหมด 52 คน มีระบบเก็บเสียงทำให้เงียบกว่ารุ่นก่อน
กองทัพเรือสหรัฐฯ เรียกเรือรุ่นนี้เป็น “หลุมดำในมหาสมุทร” ยากแก่การตรวจจับ มีขีดความสามารถในการยิงทำลายเรือข้าศึกได้ไกลขึ้น แม่นย้ำยิ่งขึ้น
“คิโล” เป็นชื่อที่กลุ่มนาโต้ใช้เรียกเรือดำน้ำชั้นวาร์ชาฟยันกา (Varshavyanka-Class) หรือ “โครงการ 636” (Project 636) ที่ใช้ในกองทัพเรือรัสเซีย ปัจจุบันกับในกองทัพเรืออีกหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งจีน และอินเดียด้วย
รัสเซียต่อเรือชั้นคิโลออกมาหลากหลายเวอร์ชัน แต่เจ้าหน้าที่รัสเซียเคยเปิดเผยว่า มีเพียงเรือคิโลของเวียดนาม กับอินเดีย และแอลจีเรียเท่านั้นที่มีขีดความสามารถในการยิงโจมตีเป้าหมายบนทวีปได้
ตามมาตรฐานของรัสเซีย ชั้นคิโล ติดต่อยิงตอร์ปิโดขนาด 533 มม.จำนวน 6 ท่อ สามารถใช้ยิงจรวด 3M54 “คาลิเบอร์” (Kalibr) ได้ ซึ่งก็คือ จรวด SS-N-27 Sizzler) ในสาระบบของนาโต้ ที่กล่าวกันว่ายิงเรือรบขนาดหลายพันตันให้จมได้ด้วยนัดเดียว
เรือคิโลรุ่นปรับปรุงยังติดตั้งจรวดร่อนความเร็วเหนือเสียง 3M-14E (Klub) ซึ่งสามารถยิงโจมตีเป้าหมายทางทะเล กับเป้าหมายบนพื้นดินได้ในระยะ 290 กม. ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าเรือดำน้ำของเวียดนามจะเป็นรุ่นใหญ่ที่สุด และทันสมัยที่สุดในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้.
