ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทางการลาวกู้ชิ้นส่วนเครื่องบินขึ้นจากแม่น้ำโขงอีก 1 ชิ้นในวันอังคาร 29 ต.ค.ที่ผ่านมา และพบอีก 1 ชิ้นในวันพุธนี้ เตรียมกู้ขึ้นจากน้ำในวันพฤหัสบดี ทั้ง 2 ชิ้นพบจมอยู่ในใต้น้ำในบริเวณที่เกิดเหตุ โดยนักประดาน้ำชาวลาวเอง เจ้าหน้าที่ลาวเปิดเผยเรื่องนี้กับ “ASTVผู้จัดการออนไลน์” ทางโทรศัพท์จากเมืองปากเซ ท้องถิ่นที่เกิดอุบัติเหตุ
ชิ้นส่วนที่กู้ขึ้นจากน้ำเมื่อวันอังคาร เป็นปีกขวาของเครื่อง ATR72-600 สายการบินแห่งชาติลาว จากนครเวียงจันทน์ที่ประสบอุบัติเหตุตกลงในแม่น้ำโขงวันที่ 16 เดือนนี้ ในจุดห่างจากสนามบินปากเซ 2-3 กิโลเมตร ขณะเตรียมจะลงจอด ซึ่งทำให้ผู้โดยสารกับลูกเรือ จำนวน 49 คน เสียชีวิตทั้งหมด
ชิ้นส่วนที่ทีมงานจำดำลงไปนำขึ้นจากน้ำในวันพฤหัสบดีนี้ เป็นส่วนหางของเครื่อง นายบุลี เพ็ดสงคาม หัวหน้าแผนกการต่างประเทศ แขวงจำปาสัก กล่าวทางโทรศัพท์
นับเป็นความคืบหน้าล่าสุดในการค้นหา และกู้ภัยนับตั้งแต่เจ้าหน้าที่ไทย และลาวสามารถนำชิ้นส่วนช่วงลำตัวของเครื่อง ATR ขึ้นจากน้ำได้เมื่อวันที่ 22 เดือนนี้
ทีมกู้ภัยของลาวปฏิบัติการโดยลำพัง หลังจากทีมนักประดาน้ำจากไทยเดินทางกลับ นายคำปุน แก้วปะเสิด นักดำน้ำ ชาวเมืองมูนละปะโมก ที่อยู่ห่างลงไปทางใต้เกือบ 100 กิโลเมตร ถูกนำตัวไปร่วมทีมค้นหาจนพบชิ้นส่วนปีกข้างขวาของเครื่องบินวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และพบส่วนหางในวันพุธนี้
ขณะเดียวกัน การชันสูตรศพผู้เสียชีวิตซึ่งนับวันยิ่งนานก็ยิ่งยากลำบาก ก็มีความคืบหน้าไปไกล จนถึงวันพุธ ศพผู้เสียชีวิตที่เก็บกู้ขึ้นจากน้ำได้ยังมีจำนวน 47 ศพ กับ 34 ชิ้นส่วน ในนั้น 44 ศพสามารถยืนยันตัวตนได้แล้วโดยผลการตรวจดีเอ็นเอจากประเทศไทย และในจำนวนนี้มี 43 ศพที่ส่งมอบให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศล รวมทั้งศพผู้โดยสารชาวไทย จำนวน 5 คนด้วย นายบุลีกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังมีศพของผู้ประสบเคราะห์กรรมอีก 4 ศพ กับชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งที่อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ต่อไป ด้วยความหวังว่าจะเป็นของผู้โดยสารจำนวนที่เหลือ นายบุลีกล่าว
อุบัติเหตุครั้งนี้นับเป็นโศกนาฏกรรมสะเทือนใจครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การบินของลาว ซึ่งอยู่ระหว่างรอการตรวจพิสูจน์ “กล่องดำ” โดยผู้เชี่ยวชาญขอบบริษัทผู้ผลิตในฝรั่งเศส โดยหวังว่าข้อมูลบันทึกการบินในนั้นจะสามารถระบุสาเหตุของอุบัติเหตุได้.