ซินหวา - ผู้เชี่ยวชาญออกโรงเตือน เวียดนามอาจเผชิญกับภาวะการมีโรงกลั่นมากเกินความจำเป็น นับตั้งแต่ประเทศกำลังกลายเป็นที่ตั้งของโรงกลั่นน้ำมันมากถึง 7 แห่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อเทียบกับโรงกลั่นยวุ๋งกว๊าตของประเทศที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวในเวลานี้
โครงการก่อสร้างโรงกลั่นและปิโตรเคมีหลายแห่งมูลค่ารวมหลายพันล้านดอลลาร์ได้รับอนุมัติในหลักการจากทางการท้องถิ่นให้ดำเนินการลงทุน และเมื่อโครงการเหล่านั้นเข้าสู่ระบบการผลิต ปริมาณรวมจากการผลิตทั้งหมดจะมากเกินกว่าความต้องการของประเทศในปัจจุบัน รายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ ระบุวันนี้ (18)
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากโรงกลั่นน้ำมันในอนาคต เช่น โครงการโรงกลั่นหงิเซิน (Nghi Son) จะเป็นโครงการก่อสร้างแห่งแรกในปลายเดือนนี้ ตามที่ระบุในตารางการก่อสร้าง
การก่อสร้างโครงการโรงกลั่นมูลค่า 9,000 ล้านดอลลาร์ ใน จ.แท็งห์ฮว๊า ทางภาคกลางของเวียดนาม คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปลายปี 2557 และจะเข้าสู่ระบบการผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2560
ส่วนโรงกลั่นน้ำมันหวุงโร (Vung Ro) ในเขตเศรษฐกิจนามฝูเอียน (Nam Phu Yen) ใน จ.ฝูเอียน ภาคกลาง กำลังแล้วเสร็จในส่วนของการทำงานเบื้องต้นเพื่อเข้าสู่กระบวนการก่อสร้าง
เมื่อต้นปี 2556 นายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง ได้อนุมัติให้นักลงทุนจากอังกฤษ เดินหน้าขยายขนาดการผลิตของโรงกลั่นเป็น 8 ล้านตันต่อปี และเพิ่มการลงทุนจาก 1,700 ล้านดอลลาร์ เป็น 3,180 ล้านดอลลาร์
ส่วนโรงกลั่นเญินเฮย (Nhon Hoi) ที่ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจชื่อเดียวกัน ใน จ.บิงดิ่งห์ มูลค่า 27,500 ล้านดอลลาร์ ลงทุนโดยบริษัท ปตท.ของไทย ซึ่งในความจริงแล้วโรงกลั่นแห่งนี้ไม่ได้รวมอยู่ในแผนพัฒนาภาคส่วนน้ำมันและก๊าซของเวียดนาม แต่ทางการท้องถิ่น กระทรวง และหน่วยงานบางส่วนได้เสนออย่างแข็งขันให้นำโครงการนี้รวมอยู่ในแผนแม่บทของประเทศ
ขณะเดียวกัน ใน จ.ห่าติ๋ง ภาคกลาง รัฐบาลท้องถิ่นมีแผนที่จะอนุมัติกลุ่มบริษัท Formosa ของไต้หวัน เข้าลงทุนโครงการโรงกลั่นและปิโตรเคมี มูลค่า 12,500 ล้านดอลลาร์ ในจังหวัด
ในปัจจุบัน โรงกลั่นยวุ๋งกว๊าต โรงกลั่นแห่งเดียวของประเทศ รองรับความต้องการได้ 30% ของการบริโภคน้ำมันภายในประเทศ และแผนยกระดับขนาดการผลิตเพิ่งได้รับอนุมัติให้ขยายขีดความสามารถรองรับการผลิตได้ 10 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2558
ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคส่วนน้ำมันและก๊าซ เวียดนามจะมีโรงกลั่น 3 แห่ง คือ ยวุ๋งกว๊าต หงิเซิน และลองเซิน (ตั้งอยู่ใน จ.หวุงเต่า) ตามรายงานอ้างคำกล่าวของประธานกลุ่มบริษัทน้ำมันและก๊าซของประเทศ (ปิโตรเวียดนาม)
กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MIT) ระบุว่า เมื่อโรงกลั่นลองเซิน โรงกลั่นนามวานฝ่อง เข้าสู่ระบบการผลิตหลังปี 2563 และโรงกลั่นเญินเฮย เริ่มผลิตภายในปี 2563 ปริมาณน้ำมันทั้งหมดจะมีถึง 36 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการภายในประเทศรวมทั้งหมดมีเพียง 29 ล้านตัน และเมื่อถึงปี 2568 ผลผลิตส่วนเกินจะมากถึง 11 ล้านตัน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ขณะที่หลายๆ ประเทศกำลังมองหาพลังงานทางเลือก หรือเชื้อเพลิงชีวภาพ เวียดนามกลับกำลังกระตุ้นการลงทุนโรงกลั่น ที่จะนำมาซึ่งข้อเสียจำนวนมากต่อประเทศหากไม่ได้รับการประเมินอย่างเหมาะสม ขณะที่แหล่งน้ำมันดิบของเวียดนามกำลังร่อยหรอลง และโรงกลั่นในอนาคตอาจต้องนำเข้าน้ำมันดิบเพื่อใช้ผลิต
เวียดนามใช้น้ำมันดิบจากแหล่งบั๊คโฮ ที่เป็นหนึ่งในแหล่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และโรงกลั่นยวุ๋งกว๊าต ที่เป็นโรงกลั่นเพียงแห่งเดียวของประเทศในเวลานี้ ใช้เป็นแหล่งน้ำมันภายในประเทศ พร้อมวางแผนให้โรงกลั่นในอนาคตส่วนใหญ่ใช้น้ำมันดิบนำเข้าจากตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกากลาง และใต้
รายงานอ้างคำกล่าวของผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ท้องถิ่นโดยระบุว่า รัฐบาลควรพิจารณาปัจจัย เช่น ปัญหามลพิษ ผลผลิตส่วนเกิน และทิศทางด้านพลังงานของโลก ก่อนอนุมัติโครงการโรงกลั่นแห่งใหม่ ด้วยโรงกลั่นยวุ๋งกว๊าต ที่อยู่ในการผลิตขณะนี้ก็ทำให้ประเทศเผชิญกับปัญหาจำนวนมาก
ผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า สิ่งที่น่าวิตกอย่างมากคือ เวียดนามอาจกลายเป็นสถานที่ที่นักลงทุนต่างชาติทิ้งเครื่องจักร และเทคโนโลยีที่ล้าสมัย และก่อมลพิษเอาไว้.