xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เชี่ยวชาญข้องใจโรงกลั่น ปตท. หลังเวียดนามเปิดไฟเขียว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033>ภาพแฟ้มเอเอฟพีเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2552 ภาพถ่ายมุมสูงเผยให้เห็นส่วนหนึ่งของโรงกลั่นยวุ๋งกว๊าต โรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกของเวียดนาม ในจ.กว่างหงาย และตามแผนแม่บทการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของประเทศ เวียดนามยังมีโรงกลั่นอีกหลายแห่งที่อยู่ในระหว่างก่อสร้างและจะเข้าสู่ระบบการผลิตในปีต่อๆ ไป ขณะเดียวกันทางการเวียดนามได้อนุมัติโครงการก่อสร้างโรงกลั่นเญินโฮย ที่ลงทุนโดยบริษัทของไทย แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายวิตกเกี่ยวกับการดำเนินโครงการว่าจะราบรื่นหรือไม่เนื่องจากเป็นโครงการที่ต้องระดมทุนจำนวนมหาศาลในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้. -- AFP PHOTO/Hoang Dinh Nam</font></b>

ซินหัว - สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเหวียนเติ๋นยวุ๋ง ของเวียดนาม ไฟเขียวอนุมัติโครงการก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันมูลค่า 27,000 ล้านดอลลาร์ ใน จ.บิ่งดิง ที่อยู่ภาคกลางตอนใต้ติดชายฝั่งทะเล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งลงทุนโดยบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (PTT) แต่ผู้เชี่ยวชาญและผู้นำด้านอุตสาหกรรมในประเทศได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโครงการนี้

เว็บไซต์ข่าวออนไลน์เวียดนามเอ็กซ์เพรส รายงานเมื่อวันจันทร์ (13) อ้างคำกล่าวของนายโห่ ก๊วก ยวุ๋ง รองประธานคณะกรรมการประชาชน จ.บิ่งดิง ยืนยันว่า ข้อตกลงความเข้าใจ (MoU) ได้ลงนามไปเมื่อเดือน มี.ค.2556 ระหว่างเจ้าหน้าที่ของ จ.บิ่งดิง และตัวแทนฝ่ายไทยหลังเจรจากันมานาน 3 ปี ซึ่งโครงการก่อสร้างโรงกลั่นแห่งนี้จะกลายเป็นโครงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจนถึงปัจจุบัน

โรงกลั่นจะสร้างขึ้นในเขตเศรษฐกิจเญินฮอย (Nhon Hoi) ที่มีโครงสร้างพื้นฐานดี แรงงานราคาถูก และค่าเช่าที่ที่ถูกที่สุดในภูมิภาค ตามการระบุของ PTT นอกจากนั้น เขตเศรษฐกิจดังกล่าวยังมีท่าเรือน้ำลึก และตั้งอยู่ตามแนวเส้นทางการค้าเหนือ-ใต้ของประเทศที่เชื่อมต่อเวียดนามกับตลาดต่างประเทศอีกด้วย

การก่อสร้างโรงกลั่นคาดว่าจะเริ่มในปี 2559 และจะเข้าสู่ระบบการผลิตในปี 2563 โดยออกแบบให้ผลิตผลิตภัณฑ์จากน้ำมัน 30 ล้านตันต่อปี และน้ำมันดิบที่จะใช้กับโรงกลั่นแห่งนี้จะนำเข้าจากตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกาใต้

ภายใต้ข้อตกลง PTT จะลงทุนในโครงการมากสุดที่ร้อยละ 60 ของมูลค่าลงทุนรวม และส่วนที่เหลือจะมาจากนักลงทุนภายในประเทศ และต่างประเทศ

นายโห่ ก๊วก ยวุ๋ง ระบุว่า PTT เป็นกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 150,000 ล้านดอลลาร์ ติด 100 อันดับบริษัทยักษ์ใหญ่ทางการเงินของโลก โดย PTT มีรายได้ต่อปีสูงถึง 80,000 ล้านดอลลาร์ และมีผลกำไรเกือบ 3,500 ล้านดอลลาร์ ยวุ๋งเพิ่มเติมว่า PTT ตั้งเป้าที่จะสร้างโรงกลั่นในภูมิภาคเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

กลุ่ม PTT ได้ทำการสำรวจพื้นที่หลายแห่งทั้งในเวียดนาม มาเลเซีย และพม่า ก่อนตัดสินใจเลือกเขตเศรษฐกิจเญินฮอย ใน จ.บิ่งดิง เป็นที่ตั้งโรงกลั่น

ด้านหัวหน้าฝ่ายการจัดการเขตเศรษฐกิจของกระทรวงวางแผนและการลงทุน ระบุว่าโครงการนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก ท้าทายกับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งกระทรวงได้ประเมินความอยู่รอดของโครงการโดยตลอด

ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทน้ำมันและก๊าซแห่งชาติ (Vietnam National Oil & Gas Group) อ้างว่า โครงการเญินฮอยอาจสร้างความไม่สมดุลในเรื่องของอุปสงค์อุปทานน้ำมันของประเทศ เนื่องจากปัจจุบัน เวียดนามมีโรงกลั่นยวุ๋งกว๊าต ใน จ.กว่างนาม รองรับความต้องการการบริโภคน้ำมันและก๊าซภายในประเทศที่ร้อยละ 30 ขณะที่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โครงการอื่นๆ ที่ประกอบด้วย โรงกลั่นหงิเซิน ใน จ.แท็งห์ฮวา โรงกลั่นหวุงโร ใน จ.ฝุเย็น และโรงกลั่นวันฝ่อง ใน จ.แค็งห์ฮวา จะเข้าสู่ระบบการผลิต

นอกจากนั้น โครงการโรงกลั่นเญินฮอยไม่ได้รวมอยู่ในแผนแม่บทเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของประเทศ และโครงการที่มีมูลค่ามากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ต้องระดมทุนจากหุ้นส่วนนอกประเทศ ในขณะที่ PTT จะรับผิดชอบเพียง 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้โครงการดำเนินไปได้ยาก

ประธานสมาคมพลังงานเวียดนามได้แสดงความคิดเห็นกับเว็บไซต์ข่าวออนไลน์เวียดนามเอ็กซ์เพรสว่า ปัจจุบัน เวียดนามไม่ต้องการโรงกลั่นเพิ่มอีก และในบริบทของภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน นับเป็นเรื่องยากที่จะระดมทุนจำนวนมหาศาลจากนักลงทุนต่างชาติเพื่อโครงการนี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น