ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เป็นที่แน่นอนแล้วว่า สหรัฐฯ โดยบริษัทโบอิ้งจะผลิตเฮลิคอปเตอร์โจมตีสุดยอดของโลก AH-64E “อาปาเช่” ลองโบว์ ให้กองทัพบกอินโดนีเซีย จำนวน 8 ลำ นายชัค เฮเกล รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศเรื่องนี้ในกรุงจาการ์ตา วันจันทร์ที่ผ่านมา ระหว่างไปเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ และบริษัทโบอิ้งได้ออกคำแถลงเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
อินโดนีเซียกำลังจะเข้าร่วมกลุ่มผู้ใช้อาปาเช่ที่มีอยู่เพียงไม่กี่ประเทศในโลก และจะเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถัดจากสิงคโปร์ การเซ็นสัญญาซื้อขายมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์นี้ยังมีขึ้นหลังจากผู้บัญชาการกองทัพอินโดนีเซียนำคณะไปเยี่ยมเยือนบริษัทโบอิ้งในสหรัฐฯ ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
“การสนองเฮลิคอปเตอร์ชั้นเยี่ยมระดับโลกนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งในพันธกรณีของเราที่จะช่วยสร้างเสริมขีดความสามารถชองกองทัพอินโดนีเซีย” รมว.กลาโหมสหรัฐฯ กล่าวระหว่างแถลงข่าวในกรุงจาการ์ตา
ฝ่ายสหรัฐฯ จะทำการฝึกนักบินให้อินโดนีเซีย และช่วยฝึกยุทธวิธีต่างๆ ตลอดจนแบบแผนปฏิบัติการในกรอบความมั่นคงแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สองฝ่ายจะร่วมกันพิจารณากำหนดการส่งมอบ และกรอบเวลาการฝึกอีกครั้งหนึ่ง หนังสือพิมพ์จาการ์ตาโพสต์รายงานเรื่องนี้
ขีดความสามารถใหม่นี้ “จะช่วยให้อินโดนีเซียตอบสนองต่อภาคกิจต่างๆ ได้อย่างดี รวมทั้งการปราบโจรสลัด และการเฝ้าระวังทางน่านน้ำ และทะเล” เจ้าหน้าที่กลาโหมระดับอาวุโสของสหรัฐฯ ผู้หนึ่งกล่าว
อินโดนีเซีย ประกาศเมื่อต้นปีนี้เกี่ยวกับความประสงค์จะจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์แบบ “แบล็กฮอว์ก” เพื่อดัดแปลงเป็น ฮ.โจมตี แต่ไม่เคยพูดถึงการซื้อ AH-64E มาก่อน
ปัจจุบัน กองทัพบกอินโดนีเซีย ยังมีเฮลิคอปเตอร์โจมตีแบบ Mil Mi-35 ที่ผลิตในรัสเซียประจำการอีก 8 ลำ เป็น ฮ.โจมตีที่ได้ฉายาว่า “รถถังบิน” บึกบึน และมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมอิกรุ่นหนึ่งของโลก แต่เสียเปรียบอาปาเช่ในด้านเรดาร์ ระบบอาวุธ ระบบควบคุมการยิง ตลอดจนระบบนำวิถีต่างๆ
อาปาเช่ ยังมีคุณสมบัติเหนือ ฮ.แบบอื่นๆ ด้วยความสามารถบินผาดแผลง พลิกหมุนลำตัว บินดำดิ่ง หรือบินไต่ระดับเป็นแนวตั้งด้วยความเร็วสูงได้ ฯลฯ
ตามข้อมูลในเว็บไซต์ ArmyTechnology.Com “ลองโบว์” เป็นทั้งระบบเรดาร์เฝ้าตรวจและควบคุมการยิงจรวดนำวิถีที่ติดตั้งกับอาปาเช่ ระบบเรดาร์ลองโบว์เป็นแบบ “คลื่นสั้น” ทำหน้าที่ตรวจสอบเป้าหมายที่เป็นภัยข่มขู่คุกคามต่ออาปาเช่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเป้าหมายที่ใช้เรดาร์ตรวจประจำ หรือใช้เรดาร์นำวิถี
.
.
อุปกรณ์สำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่มีรูปร่างเสมือน “หมวก” สวมไว้ส่วนบนสุดของแกนโรเตอร์นั้นสามารถเปิด และปิดได้ สำหรับการสแกนหาภัยข่มขู่ต่างๆ เป็นครั้งๆ ไป แต่อุปกรณ์เซ็นเซอร์อื่นๆ ทั้งหมด รวมทั้งกล้องอินฟราเรดระยะไกลที่ใช้ตรวจการณ์ล่วงหน้าหรือตรวจหาเป้าหมายภาคพื้นดินนั้น จะติดตั้งไว้ที่ส่วน “จมูก” ของเครื่อง
อาปาเช่ ผลิตออกมาลำแรกในปี 2518 โดยบริษัทฮิวจ์เฮลิคอปเตอร์ ก่อนที่บริษัทนี้จะตกสู่มือบริษัทแม็คดอนแนลดักลาส ซึ่งกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทโบอิ้งเมื่อปี พ.ศ.2540 อาปาเช่ “ลองโบว์” บล็อก 3 เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดในขณะนี้
ปัจจุบัน ส่วนประกอบของอาปาเช่ผลิตจากหลายประเทศ รวมทั้งโครงลำตัวของอาปาเช่ทุกลำที่ทำในเกาหลี
กว่า 10 ปีมานี้ กลุ่มอกุสตาเวสต์แลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนอังกฤษ-อิตาลี ยังได้ผลิตอาปาเช่ในยุโรปภายใต้สิทธิบัตรจากสหรัฐฯ โดยใช้เครื่องยนต์ต่างกัน ทั้งอาปาเช่สหรัฐฯ และอาปาเช่อังกฤษ ต่างผ่านการใช้งานจริงสมรภูมิมาอย่างโชกโชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามในตะวันออกกลางตั้งแต่สงครามอิรัก จนถึงอัฟกานิสถาน
อาปาเช่ติดอาวุธสำคัญคือ จรวดเฮลไฟร์ หรือ “ไฟนรก” ที่ติดตั้งได้ 14 ลูก สำหรับยิงโจมตียานหุ้มเกราะกับยานพาหนะต่างๆ นอกจากนั้น ยังมีจรวดทั้งนำวิถีและไม่นำวิถีอีก 70 ลูก และจรวดยิงจากอากาศสู่อากาศ “ไซด์ไวด์เดอร์”
แต่ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เห็นจะเป็นปืนใหญ่อากาศขนาด 30 มม. ป้อนกระสุนด้วยระบบสาย สามารถยิงได้นาทีละกว่า 600 นัด สั่งการผ่านระบบเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งอยู่บนหมวกของพลปืน ปลายกระบอกปืนจะหันไปจับทุกเป้าหมายที่สายตาของพลยิงเคลื่อนไปโดยอัตโนมัติ
ตามข้อมูลของเว็บไซต์ข่าวกลาโหม เฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E รุ่นมาตรฐานมีราคาลำละประมาณ 18 ล้านดอลลาร์.
.