เอเอฟพี-เครื่องบินโดยสารแบบโบอิ้ง 777 ของสายการบินเอเชียนา แอร์ไลน์สของเกาหลีใต้ลำหนึ่ง ต้องจอดค้างอยู่ที่สนามบินลอส แองเจลิส ในมลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯนานถึง 17 ชั่วโมง หลังตรวจพบปัญหาน้ำมันรั่ว โดยเป็นเครื่องบินรุ่นเดียวกับลำที่ประสบอุบัติเหตุตกกระแทกรันเวย์สนามบินนานาชาติซาน ฟรานซิสโก เมื่อเกือบ 2 สัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ เป็นการแถลงของสายการบินในวันพุธ (17)
รายงานข่าวระบุว่าผู้โดยสารราว 200 คนจากเที่ยวบินที่พบปัญหาดังกล่าว ต้องถูกส่งไปเข้าพักที่โรงแรมใกล้กับสนามบินลอส แองเจลิส ระหว่างที่วิศวกรด้านการบิน เข้าทำการแก้ไขข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้น
โฆษกของสายการบินเอเชียนา แถลงว่า “เราต้องแน่ใจว่าเหตุขัดข้องทางเทคนิคทุกอย่าง ได้รับการแก้ไขให้ลุล่วงเสียก่อน เราจึงจะยินยอมให้เครื่องขึ้นบินได้”
ข้อมูลระบุว่าเที่ยวบินดังกล่าวมีกำหนดออกเดินทางจากนครลอส แองเจลิสของสหรัฐฯโดยมีปลายทางอยู่ที่กรุงโซลของเกาหลีใต้
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้เกิดอุบัติเหตุเครื่องโบอิ้ง 777 ของเอเชียนา แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ 214 ประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับกำแพงกันคลื่นของสนามบินนานาชาติซาน ฟรานซิ สโก ส่งผลให้เครื่องตกกระแทกรันเวย์และเกิดเพลิงลุกไหม้ จนมีผู้โดยสารที่เป็นชาวจีนเสียชีวิต 3 ราย และมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บกว่า 180 คน
กรณีดังกล่าวถือเป็นอุบัติเหตุด้านการบินที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 20 ปี ที่เกิดกับสายการบินใหญ่อันดับ 2 ของเกาหลีใต้ ซึ่งพนักงานสอบสวนทั้งจากสหรัฐฯ และเกาหลีใต้กำลังร่วมกันตรวจหาต้นตอของอุบัติเหตุดังกล่าวว่า เกิดจากความผิดพลาดของนักบิน หรือมีสาเหตุจากปัญหาด้านเครื่องยนต์กลไก
ในอีกด้านหนึ่ง มีรายงานว่า ผู้โดยสารจำนวน 83 รายที่ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์สายการบินเอเชียนาแอร์ไลน์ส ตกกระแทกรันเวย์ที่สนามบินซาน ฟรานซิสโกเมื่อเกือบ 2 สัปดาห์ก่อนได้รวมตัวกันยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายนับล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากบริษัทโบอิ้ง ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินลำดังกล่าว
ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีขึ้นแม้จะยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าต้นตอของอุบัติเหตุที่เกิดกับเที่ยวบิน 214 ของเอเชียนา แอร์ไลน์สเกิดจากสาเหตุใด แต่บริษัททนายความ ริบเบค ลอว์ ในนครชิคาโก ชี้ว่า จากรายงานเบื้องต้นเชื่อว่าปัญหาน่าจะอยู่ที่ระบบคันเร่งอัตโนมัติ (auto-throttle) ในเครื่องบินโบอิ้ง 777ทำงานขัดข้อง
นอกจากนี้ ทางโบอิ้ง อาจต้องมีส่วนรับผิดชอบเรื่องการออกแบบ “เบาะลม” ที่ใช้สำหรับอพยพผู้โดยสารยามฉุกเฉิน เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอุปกรณ์ดังกล่าวของโบอิ้งทำให้ผู้โดยสารยิ่งได้รับบาดเจ็บหนักขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังกีดขวางทางออกจากเครื่องบิน
บริษัทกฎหมายแห่งนี้ยังเผยต่อว่า แม้แต่เข็มขัดนิรภัยบนตัวเครื่องบินก็อาจมีปัญหา เพราะมีข้อมูลว่า ตำรวจต้องส่งมีดให้พนักงานประจำเครื่องบินใช้ตัดเข็มขัดเพื่อช่วยผู้โดยสารที่ติดอยู่ภายในออกมาในวันที่เกิดอุบัติเหตุ
ทั้งนี้ กลุ่มผู้เสียหายได้ร่วมกันฟ้องร้องต่อศาลนครชิคาโกซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของโบอิ้งและอาจขยายผลไปถึงการฟ้องร้องเอาผิดต่อสายการบินเอเชียนา แอร์ไลน์ส ตลอดจนผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินอีกหลายราย ซึ่งพวกเขามองว่า สมควรต้องมีส่วนรับผิดชอบกับหายนะครั้งนี้ ขณะที่บริษัททนายความ ริบเบค ลอว์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ทางโบอิ้งแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับการออกแบบและซ่อมบำรุงเครื่องบิน และจะขอเข้าถึงข้อมูลหลักฐานทุกอย่างที่พบในกระบวนการสอบสวนด้วย
เครื่องบินโบอิ้ง 777 ของเอเชียนาออกเดินทางจากนครเซี่ยงไฮ้ และแวะจอดรับผู้โดยสารที่กรุงโซล ก่อนจะมาประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกำแพงกันคลื่นขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติ ซานฟรานซิสโก จนทำให้เครื่องบินเสียการควบคุมและตกกระแทกพื้นไฟลุกท่วม เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้วัยรุ่นสาวชาวจีนเสียชีวิต 3ราย และมีผู้โดยสารกับลูกเรือบาดเจ็บอีกกว่า 180 คน
จาง หยวน ผู้โดยสารคนหนึ่งซึ่งได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังและขาหัก ยืนยันว่า เหยื่อเที่ยวบินมรณะทุกคนควรจะออกมาปกป้องสิทธิ์ของตนเองทันที
“มันแย่มากที่เบาะลมถูกกางออกในตัวเครื่อง ทำให้พวกเราหนีออกทางประตูได้อย่างยากลำบาก ทั้งๆที่เครื่องบินกำลังไฟไหม้ สามีและลูกสาวของฉัน รวมถึงผู้โดยสารคนอื่นคงไม่ต้องบาดเจ็บขนาดนี้ หากเบาะลมกับเข็มขัดนิรภัยไม่ขัดขวางเราไว้” เธอกล่าว
รายงานข่าวระบุว่าผู้โดยสารราว 200 คนจากเที่ยวบินที่พบปัญหาดังกล่าว ต้องถูกส่งไปเข้าพักที่โรงแรมใกล้กับสนามบินลอส แองเจลิส ระหว่างที่วิศวกรด้านการบิน เข้าทำการแก้ไขข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้น
โฆษกของสายการบินเอเชียนา แถลงว่า “เราต้องแน่ใจว่าเหตุขัดข้องทางเทคนิคทุกอย่าง ได้รับการแก้ไขให้ลุล่วงเสียก่อน เราจึงจะยินยอมให้เครื่องขึ้นบินได้”
ข้อมูลระบุว่าเที่ยวบินดังกล่าวมีกำหนดออกเดินทางจากนครลอส แองเจลิสของสหรัฐฯโดยมีปลายทางอยู่ที่กรุงโซลของเกาหลีใต้
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมาได้เกิดอุบัติเหตุเครื่องโบอิ้ง 777 ของเอเชียนา แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ 214 ประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับกำแพงกันคลื่นของสนามบินนานาชาติซาน ฟรานซิ สโก ส่งผลให้เครื่องตกกระแทกรันเวย์และเกิดเพลิงลุกไหม้ จนมีผู้โดยสารที่เป็นชาวจีนเสียชีวิต 3 ราย และมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บกว่า 180 คน
กรณีดังกล่าวถือเป็นอุบัติเหตุด้านการบินที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 20 ปี ที่เกิดกับสายการบินใหญ่อันดับ 2 ของเกาหลีใต้ ซึ่งพนักงานสอบสวนทั้งจากสหรัฐฯ และเกาหลีใต้กำลังร่วมกันตรวจหาต้นตอของอุบัติเหตุดังกล่าวว่า เกิดจากความผิดพลาดของนักบิน หรือมีสาเหตุจากปัญหาด้านเครื่องยนต์กลไก
ในอีกด้านหนึ่ง มีรายงานว่า ผู้โดยสารจำนวน 83 รายที่ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์สายการบินเอเชียนาแอร์ไลน์ส ตกกระแทกรันเวย์ที่สนามบินซาน ฟรานซิสโกเมื่อเกือบ 2 สัปดาห์ก่อนได้รวมตัวกันยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายนับล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากบริษัทโบอิ้ง ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินลำดังกล่าว
ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีขึ้นแม้จะยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าต้นตอของอุบัติเหตุที่เกิดกับเที่ยวบิน 214 ของเอเชียนา แอร์ไลน์สเกิดจากสาเหตุใด แต่บริษัททนายความ ริบเบค ลอว์ ในนครชิคาโก ชี้ว่า จากรายงานเบื้องต้นเชื่อว่าปัญหาน่าจะอยู่ที่ระบบคันเร่งอัตโนมัติ (auto-throttle) ในเครื่องบินโบอิ้ง 777ทำงานขัดข้อง
นอกจากนี้ ทางโบอิ้ง อาจต้องมีส่วนรับผิดชอบเรื่องการออกแบบ “เบาะลม” ที่ใช้สำหรับอพยพผู้โดยสารยามฉุกเฉิน เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอุปกรณ์ดังกล่าวของโบอิ้งทำให้ผู้โดยสารยิ่งได้รับบาดเจ็บหนักขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังกีดขวางทางออกจากเครื่องบิน
บริษัทกฎหมายแห่งนี้ยังเผยต่อว่า แม้แต่เข็มขัดนิรภัยบนตัวเครื่องบินก็อาจมีปัญหา เพราะมีข้อมูลว่า ตำรวจต้องส่งมีดให้พนักงานประจำเครื่องบินใช้ตัดเข็มขัดเพื่อช่วยผู้โดยสารที่ติดอยู่ภายในออกมาในวันที่เกิดอุบัติเหตุ
ทั้งนี้ กลุ่มผู้เสียหายได้ร่วมกันฟ้องร้องต่อศาลนครชิคาโกซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของโบอิ้งและอาจขยายผลไปถึงการฟ้องร้องเอาผิดต่อสายการบินเอเชียนา แอร์ไลน์ส ตลอดจนผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินอีกหลายราย ซึ่งพวกเขามองว่า สมควรต้องมีส่วนรับผิดชอบกับหายนะครั้งนี้ ขณะที่บริษัททนายความ ริบเบค ลอว์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ทางโบอิ้งแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับการออกแบบและซ่อมบำรุงเครื่องบิน และจะขอเข้าถึงข้อมูลหลักฐานทุกอย่างที่พบในกระบวนการสอบสวนด้วย
เครื่องบินโบอิ้ง 777 ของเอเชียนาออกเดินทางจากนครเซี่ยงไฮ้ และแวะจอดรับผู้โดยสารที่กรุงโซล ก่อนจะมาประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกำแพงกันคลื่นขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติ ซานฟรานซิสโก จนทำให้เครื่องบินเสียการควบคุมและตกกระแทกพื้นไฟลุกท่วม เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้วัยรุ่นสาวชาวจีนเสียชีวิต 3ราย และมีผู้โดยสารกับลูกเรือบาดเจ็บอีกกว่า 180 คน
จาง หยวน ผู้โดยสารคนหนึ่งซึ่งได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังและขาหัก ยืนยันว่า เหยื่อเที่ยวบินมรณะทุกคนควรจะออกมาปกป้องสิทธิ์ของตนเองทันที
“มันแย่มากที่เบาะลมถูกกางออกในตัวเครื่อง ทำให้พวกเราหนีออกทางประตูได้อย่างยากลำบาก ทั้งๆที่เครื่องบินกำลังไฟไหม้ สามีและลูกสาวของฉัน รวมถึงผู้โดยสารคนอื่นคงไม่ต้องบาดเจ็บขนาดนี้ หากเบาะลมกับเข็มขัดนิรภัยไม่ขัดขวางเราไว้” เธอกล่าว