.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - โผล่มาใหม่ให้เป็นที่ฮือฮากันอีกครั้งหนึ่ง ขนาดใหญ่ขึ้น และยาวกว่าเดิม เสียงดังฟังชัดกว่าเดิม คราวนี้ “ครูไหว” หวดไม่ยั้งมือ เสียงไม้บรรทัดยาวปะทะก้นนักเรียนชาย-หญิงดังสนั่นเน็ต เรียกเสียงก่นได้มากกว่าเดิมเสียอีก
คุณครูยืนหน้าชั้นถือกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นบัญชีรายชื่อ จากนั้นก็เรียกผู้ต้องโทษออกไปยืนหน้าชั้นทีละคนๆ นักเรียนชายให้ยกมือค้ำกระดานดำ นักเรียนหญิงให้กอดอก หันด้านหลังให้คุณครูหวดก้นแต่โดยดี โดยยังไม่ทราบเหตุกระทำผิด
ครูไหวไม่ปรานีลูกศิษย์คนใด แต่หวดเต็มแรงแบบรักเท่าๆ กัน นักเรียนชายจะเสียงดังมากหน่อย เป็นเสียงไม้กระทบเนื้อเพียงแต่มีผ้ารองรับ ส่วนนักเรียนหญิงในชุดอ๋าวหญ่าย เสียงหาดก้นเบาลงเล็กน้อย อาจเป็นเพราะว่าข้างในมีรองเอาไว้หลายชั้นกว่า
จำนวนครั้งที่หวดก็ไม่เท่ากัน แสดงให้เห็นว่าลูกศิษย์มีความผิดไม่เท่ากัน นักเรียนชายบางคนโดนหวดไป 10 ครั้ง 9 ครั้งบ้าง 8 ครั้งก็มี นักเรียนหญิงก็ไม่ได้น้อยไปไกว่ากัน เป็นการยืนยันว่าครูไหวหวดอย่างยุติธรรม ไม่ได้รักใครมากไปกว่าใคร
มือของคุณครูหนักหน่วงเสมอต้นเสมอปลาย แรงไม่ตก นักเรียนชายบางคนทนเจ็บไม่ไหว ซึ่งก็ไม่ต่างกับนักเรียนหญิง ต้องหันมาขอคุณครูพักยก แล้วก็จะโดนหวดต่อตามกระทงความผิด ไม่มีการลดหย่อนโทษ
มีชาวเน็ตบางคนเฝ้าดูอย่างตั้งใจ และยืนยันว่า ในคลิปที่ยาว 4 นาที 19 วินาทีชิ้นนี้ มีนักเรียนทั้งชาย และหญิงถูกครูไหวหวดไป 31 คนเป็นอย่างน้อย รวมทั้งหลายคนที่ได้ยินแต่เสียงไม้กระทบเนื้อในช่วงจอดำแต่ไม่ได้โผล่ให้เห็นเนื่องจากลูกศิษย์คนที่แอบถ่าย ต้องซ่อนโทรศัพท์มือถือเป็นพักๆ
อย่างไรก็ตาม ผู้อ่านของหนังสือพิมพ์ออนไลน์เหงือยเดือติน ตั้งข้อสังเกตว่า บรรยากาศปฏิบัติการของครูไหวครั้งนี้ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะชอบใจ ทั้งเสียงหัวเราะของผู้ที่ถูกหวด ในยามที่ได้เห็นคนอื่นโดนหวด นักเรียนสาวบางคนยังส่งยิ้มให้คุณครูหลังจากโดนหวด แต่ผู้อ่านอีกหลายสิบคนไม่ได้อยู่ในมู้ดนี้
“ควรจะให้เรื่องนี้เป็นเรื่องของครอบครัว หรือผู้ปกครองของเด็กจัดการกันเอง ไม่ใช่ครูใช้ความรุนแรงกับเด็ก” ผู้อ่านคนหนึ่งเขียนลงในเฟซบุ๊ก และมีผู้กด Like ให้กว่า 300 ครั้ง
“สังคมเรามีความรุนแรงมากพอแล้ว อย่าเป็นตัวอย่างโดยใช้ความรุนแรงกับเด็กเลยครับ” อีกคนหนึ่งเขียน และได้ Like ไปอีกหลายร้อยเช่นกัน ..
ครอบครัวชาวเวียดนามสามารถยอมรับได้สำหรับการ “ตี” เด็กเล็ก โดยใช้ไม้บรรทัดพลาสติก “ตีเบาๆ” ลงบนฝ่ามือ แต่ต้องแสดงให้เป็นที่ประจักษ์เชิงจิตวิทยา ให้เด็กรู้ตัวว่า “ถูกลงโทษ” โดยครูตีบนฝ่ามือเป็นสัญลักษณ์มิใช่ตีให้เข็ด หรือตีให้หลาบจำ ซึ่งไม่ใช่วิธีการลงโทษทางการศึกษา เหงือยเดือตินกล่าว
สังคมชาวเวียดนามไม่เคยยอมรับการเฆี่ยนตี หรือการลงโทษนักเรียนด้วยวิธีรุนแรงแบบครูไหวในคลิปนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กโต ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าเกิดขึ้นที่ไหนก็ไม่เคยได้รับการยอมรับจากสังคม แม้จะไม่มีกฎหมายฉบับใดบัญญัติให้ครูมีความผิดก็ตาม
เหงือยเดือตินกล่าวว่า คลิปครูไหวถูกนำขึ้นโพสต์ในโลกออนไลน์ครั้งแรกต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 40,000 ครั้ง ส่วนชิ้นใหม่ที่ขนาดใหญ่กว่า และชัดเจนกว่านี้มีผู้เข้าชมอีกกว่า 40,000 ในชั่วเวลาข้ามสัปดาห์ ก๊อบปี้ที่นำขึ้นโพสต์ในยูทิวบ์วันที่ 9 ส.ค. ขณะนี้มีผู้ชมกว่า 24,000 ครั้ง และกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว.
.