.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สาวนักศึกษาในกรุงฮานอยกล้าหาญชูธงนำหน้าสร้างเทรนด์ใหม่ในสังคม เชิญชวนเพื่อนๆ เข้าร่วมขบวนการพิทักษ์รักษาความบริสุทธิ์ผุดผ่องของหญิงสาวเอาไว้จนถึงวันวิวาห์ เธอเผยแพร่ “แหวนพรหมจรรย์” ผ่านเฟซบุ๊ก สำหรับสวมเพื่อประกาศความเป็นสาวบริสุทธิ์อย่างภาคภูมิใจ และในวันนี้ได้กลายสิ่งยอดฮิตของสาวๆ ชาวเวียดนาม
ข่าวนี้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็วในประชาคมออนไลน์ เช่นเดียวกันกับภาพถ่ายของเหวียนหว่างหง็อกบิ๊ก (Nguyen Hoang Ngoc Bich) กับ “แหวนบริสุทธ์" ซึ่งหญิงสาวจำนวนมาก ทั้งสาวใหญ่ และสาวรุ่น จนถึงเด็กๆ ชั้นประถมศึกษาต่างถามไถ่หาแหล่งที่จะซื้อหาได้ สำนักข่าวออนไลน์ภาษาเวียดนามหลายแห่งรายงานในสัปดาห์นี้
แหวนที่แสดงออกถึงความบริสุทธิ์ผุดผ่องทั้งกาย และใจนี้ ใช้สวมนิ้วกลางมือซ้าย เป็นการให้คำมั่นสัญญาต่อสังคมว่า พวกเธอจะไม่ออกนอกลู่นอกทางชิงสุกก่อนห่าม และจะขอเป็นสาวพรหมจารีจนถึงวันวิวาห์ แหวนจะพิมพ์ หรือสลักถ้อยคำที่ประกาศศักดิ์และศรีของสตรีเพศ ที่ตกเป็นฝ่าย “ถูกเลือก” มาตลอด วันนี้พวกเธอขอเป็น “ผู้เลือก” บ้าง หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋รายงานเว็บข่าวภาษาเวียดนามสัปดาห์นี้
หง็อกบิ๊กกับเพื่อนๆ นักศึกษามหาวิทยาลัยหว่าแซน (Hao Sen University) ในฮานอย ได้คิดเรื่องนี้ และออกรณรงค์ผ่านประชาคมออนไลน์ เริ่มจากแวดวงเล็กๆ และกลายเป็นข่าวใหญ่แพร่กระจายแบบไฟลามทุ่งจากเว็บสู่เว็บ นักจิตวิทยาสังคมก็กำลังมองปรากฏการณ์นี้ด้วยความงุนงง
หง็อกบิ๊ก บอกกับเวียดนามเน็ตว่า ดีใจ และแปลกใจไม่คาดคิดว่าการรณรงค์ของเธอกับเพื่อนๆ จะมีผลกระทบใหญ่โตเช่นนี้ แต่นักศึกษาสาวก็เรียกร้องให้เพื่อนช่วยกันสวมแหวน และกระจายข่าวการรณรงค์ออกไปอีก เพื่อสร้างสิ่งใหม่ให้แก่สังคม
ข่าวเกี่ยวกับหง็อกบิ๊ก และแหวนพรหมจรรย์ของเธอแพร่ออกสู่ต่างๆ ประเทศอย่างรวดเร็วในช่วงต้นปีมานี้ รวมทั้งในสหรัฐฯ โดยผ่านประชาคมชาวเวียดนามที่นั่น
แหวนประเภทที่เรียกว่า “แหวนพรหมจาริณี” หรือ Chastity Ring เคยนิยมกันในสหรัฐฯ ช่วงทศวรรษที่ 1990 แต่ก็อยู่ในแวดวงประชาคมเล็กๆ ของผู้เคร่งครัดในศาสนา ทั้งโปรเตสแตนต์ และคาทอลิก แต่สิ่งนี้เลือนหายไปจากสังคมชาวอเมริกัน ถึงแม้ว่า “แหวนสำหรับสตรีคริสเตียน” จะยังมีขายอยู่ทั่วไปรวมทั้งในอะเมซอนด็อทคอม (Amazon.Com) ด้วย
ในวันนี้ มีรุ่นใหม่ๆ รูปแบบใหม่ๆ ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด และมีวัสดุให้เลือกตั้งมากมายหลายชนิด ทั้งที่เป็นเนื้อโลหะสเตนเลส เนื้อเงิน ที่ราคาตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาทไปจนถึงหลายพันบาท และพัฒนาไปไกลกลายเป็นแหวนทองประดับเพชรราคากว่าล้าน ซึ่งเกินเอื้อมสำหรับหญิงสาวทั่วไป แต่หากมีไว้สำหรับสตรีอีกกลุ่มหนึ่งซื้อไปสวมใส่เป็นแฟชั่น ฯลฯ สื่อออนไลน์ภาษาเวียดนามกล่าว
อย่างไรก็ตาม ถ้อยคำที่สลัก หรือพิมพ์ไว้บนวงแหวนนั้นยังขลังอยู่เหมือนเดิมไม่เสื่อมคลาย โดยเริ่มตั้งแต่คำง่ายๆ ตรงๆ เช่น “บริสุทธิ์” (Pure), “หนูจะรอ” (I Will Wait), “สีขาว” (White) หรือคำที่ตรงที่สุดคือ “แหวนบริสุทธิ์” (Purity Ring)
เสิร์ชในอะเมซอนด็อทคอมวันนี้ จะเห็นแหวนพรมจรรย์ที่พิมพ์ถ้อยคำอื่นๆ ออกมาอีกมากมาย ซึ่งล้วนแต่มีความหมายในทางเดียวกัน เพื่อเตือนใจหญิงสาวมิให้หลงระเริงไปกับแสงสีในสังคม
.
.
ในเวียดนามเองแหวนพรมจรรย์ได้กลายเป็นของฮิตติดตลาด ทั้งในกรุงฮานอย และนครโฮจิมินห์ เจ้าของร้านจำหน่ายเครื่องประดับขนาดใหญ่ในโฮจิมินห์คนหนึ่งบอกว่า ร้านของเธอมีแหวนประเภทนี้ราคาตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาท จนถึงเรือนล้านบาท และที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็คือ ปัจจุบัน ฝ่ายชายเป็นฝ่ายซื้อให้แฟนสาว เป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วม
นางเหวียนถิงา (Nguyen Thi Nga) พนักงานร้านจำหน่ายเครื่องเงินในเขต อ.โด่งดา (Dong Da) กรุงฮานอย บอกว่า หลังจากข่าวนี้แพร่กระจายผ่านเว็บไซต์หลายแห่ง มีผู้ไปสั่งทำแหวนพรหมจรรย์หลายร้อยราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา และซื้อผ่านเฟซบุ๊ก ทำให้โรงงานของร้านต้องหันมาผลิตแหวนเป็นหลัก สนองความต้องการของตลาด
มีการถกเถียงกันอย่างมากในประชาคมออนไลน์ หลายคนสงสัยเป็นอย่างมากว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจัง หรือแค่แฟชั่น ที่เห่อกันเป็นพักๆ หรือแค่หลอกตัวเอง
แต่หวอถิหมีลีง (Vo Thi My Linh) นักข่าวสาวของนิตยสารที่มีชื่อเสียงฉบับหนึ่ง ซึ่งสวมแหวนพรหมจรรย์อีกคน บอกผ่านเฟซบุ๊กของเธอว่า “เมื่อเรามีความมุ่งมั่นในสิ่งที่เชื่อถือ สิ่งนั้นก็จะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์”
หมีลีงบอกว่า ปัจจุบันแหวนพรมจรรย์ได้ทำให้เกิดความเห็นที่ขัดแย้งกันของผู้คนในสังคม ฝ่ายแรกมองว่า การรักษาความบริสุทธิ์ผุดผ่องจนถึงวิวาห์เป็นสิ่งที่ดีงาม เพราะว่า “เราเป็นของคนที่รักเรา และเราได้มอบให้ในสิ่งที่เรารัก” แต่อีกฝ่ายหนึ่งมองว่าสาวๆ จำนวนไม่น้อยสวมแหวนนี้เพื่อ “ปลอบใจตัวเอง” หลังจากได้สูญเสียความบริสุทธิ์ เป็นการแสดงออกแต่เพียงภายนอกเท่านั้น
หญิงสาวบางคนให้ความเห็นผ่านเว็บไซต์ว่า แหวนอาจจะเป็นเพียงแฟชั่น หรือเป็นสัญลักษณ์ แต่ไม่ได้พิสูจน์อะไร สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ การประพฤติปฏิบัติของคนต่างหาก
แต่หง็อกบิกเขียนในเฟซบุ๊กของเธอว่า ไม่ว่าจะถูกมองอย่างไร “เราก็คือเรา” เธอยังให้กำลังใจ ขอให้ทุกคนช่วยกันสวมแหวนทุกโอกาสที่ออกนอกบ้าน และไปเรียนเพื่อยืนยันในคำประกาศที่ว่า “เราขอเป็นฝ่ายเลือกบ้าง”.