เต็งเส่งเรียกร้องสหภาพยุโรปยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร

เอเอฟพี - ประธานาธิบดีเต็งเส่งของพม่า เรียกร้องให้สหภาพยุโรปยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อพม่า จากที่ในเวลานี้สหภาพยุโรปเพียงแค่ระงับคว่ำบาตรเท่านั้น

“สิ่งที่ขาดแคลนคือ เงินทุน และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจในช่วง 20 ปี” เต็งเส่งกล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังหารือกับประธานาธิบดี ไฮนซ์ ฟิซเซอร์ ของออสเตรีย

เต็งเส่งยังเรียกร้องโดยตรงต่อประธานาธิบดีของออสเตรีย ที่จะให้ความร่วมมือเกี่ยวกับเรื่องนี้ระหว่างการแถลงข่าวร่วมในการเยือนออสเตรียเป็นประเทศที่ 3 ในระหว่างการเดินทางเยือนยุโรปครั้งแรกของประธานาธิบดีเต็งเส่ง

สหภาพยุโรประงับทุกมาตรการคว่ำบาตรต่อพม่าในเดือน เม.ย. ยกเว้นมาตรการที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ เพื่อตอบรับการดำเนินการปฏิรูปประเทศของรัฐบาลเต็งเส่งตั้งแต่ขึ้นสู่อำนาจในต้นปี 2554

ส่วนสหรัฐฯ ได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางการค้า และการลงทุนหลายประการ ขณะที่ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ได้เพิ่มความช่วยเหลือต่อพม่า

อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลยังคงมีอยู่เกี่ยวกับความขัดแย้งที่ยังดำเนินอยู่ในรัฐกะฉิ่น ทางภาคเหนือของประเทศ และความไม่สงบระหว่างชุมชนชาวพุทธ และมุสลิม ในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของประเทศ แต่หลังการเจรจาสันติภาพรอบใหม่เมื่อเดือนก่อนกับกบฏกะฉิ่น เต็งเส่งอ้างว่า ความไม่สงบได้สิ้นสุดลงแล้ว

“ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นอีก ไม่มีการต่อสู้ในทั่วประเทศ เราสามารถยุติความขัดแย้งได้” เต็งเส่งยืนยัน

ฟิซเซอร์ชื่นชมการปฏิรูปที่ดำเนินจนถึงเวลานี้ของพม่า และได้แสดงการสนับสนุนต่อการยุติมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป

“หลังจากความคืบหน้าทั้งหมดที่เกิดขึ้น รัฐบาลออสเตรียสนับสนุนที่จะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเหล่านั้น” ฟิซเซอร์ กล่าว แต่ได้เรียกร้องให้พม่ายึดมั่นกับกระบวนการไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยตามที่ได้เริ่มต้นไว้ และระบุว่า ทั้งนโยบายที่พม่าดำเนินการในเวลานี้ รวมทั้งการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมในปี 2558 จะเป็นสิ่งที่ตัดสินเส้นทางอนาคตของพม่า

ทั้งนี้ ผู้นำของ 2 ประเทศยังได้หารือในประเด็นสิทธิมนุษยชน และปัญหาของการสร้างประชาธิปไตย

นอกจากนั้น ประธานาธิบดีเต็งเส่งยังได้หารือกับนายกรัฐมนตรี และประธานสภาแห่งชาติของออสเตรีย รวมทั้งพบกับผู้แทนจากหอการค้าออสเตรียที่เต็งเส่งได้ผลักดันให้เข้าลงทุนในประเทศ โดยเมื่อเดือนก่อน คณะผู้แทนจากออสเตรียได้เดินทางไปเยือนพม่าเพื่อมองหาโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเข้าลงทุนดำเนินธุรกิจ

หลังจากเดินทางเยือนนอร์เวย์ ฟินแลนด์ และออสเตรีย ผู้นำพม่าจะมุ่งหน้าไปยังกรุงบรัสเซลส์ เพื่อหารือกับสหภาพยุโรป และในระดับทวิภาคี ก่อนสิ้นสุดการเดินทางนาน 10 วันที่อิตาลี.