.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทางการแขวงจำปาสักกู้ต้นไม้มณีโคตรขึ้นจากบริเวณคอนพะเพ็งได้สำเร็จ หลังจากพยายามอยู่ 2 วัน และมีแผนการจะนำไม้ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานที่ตัดเป็นท่อนๆ ไปวางแสดงในพิพิธภัณฑ์ที่จะจัดสร้างขึ้น เพื่อให้ชนรุ่นหลังได้ดูชม และสืบทอดความรู้ และความเชื่อในเรื่องนี้ต่อไป สื่อของทางการรายงาน
การกู้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวลาวมีขึ้นในเช้าวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังจากทำพิธีทางศาสนาแล้ว จากนั้น เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพได้นำผู้ชำนาญการ จำนวน 4 คน ไปหย่อนตัวลงบริเวณที่ไม้มณีโคตรล้ม จุดธูปเทียนทำพิธีบวงสรวงอีกครั้งหนึ่ง ก่อนลงมือเคลียร์พื้นที่
หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ใหม่รายงานเรื่องนี้ อ้างการเปิดเผยของ พ.ท.สุนทอน พิมมะเสน รองหัวหน้ากองพันใหญ่ 703 ซึ่งบัญชาการปฏิบัติการ
การกอบกู้มีขึ้นเป็นวันที่ 2 ในวันถัดมา ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากไปยืนดู และมีเจ้าหน้าที่ระดับรองเจ้าแขวงถึง 2 คน ไปร่วมอำนวยการด้วย ผู้ชำนาญการได้ตัดต้นไม้มณีโคตรออกเป็น 3 ท่อน ก่อนจะใช้ ฮ.ยกออกจากจุดกลางน้ำได้สำเร็จในเวลาประมาณ 16.30 น.
ทางการแขวงได้นำต้นไม้สักสิทธิ์ไปสถิตไว้ที่หอแสดง ที่จัดสร้างขึ้นริมคอนพะเพ็ง ซึ่งรองเจ้าแขวงจำปาสักผู้หนึ่งกล่าวว่า ต่อไปจะจัดสร้างขึ้นเป็นพิพิธภัณฑ์
หลายปีผ่านมา น้ำได้กัดเซาะทั่วอาณาบริเวณ ทำให้บริเวณที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่มีสภาพเป็นเกาะแก่ง และต้นไม้มณีโคตรได้โค่นลงโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดในคืนวันที่ 19 มี.ค.2555
ไม้มณีโคตร เป็นไม้เนื้อแข็งชนิดหนึ่ง เป็นพันธุ์หายาก และเชื่อกันว่า ทั้งประเทศมีอยู่เพียงต้นเดียวที่บริเวณกึ่งกลางน้ำตกคอนพะเพ็งทีมีความกว้างประมาณ 10 กิโลเมตร
ตามรายงานของสื่อทางการ ไม้มณีโคตรมีความยาวตลอดลำต้น 14.60 เมตร มีหน้าตัดกว้างเฉลี่ย 46.6 เซนติเมตร คำนวณเป็นเนื้อไม้ได้ทั้งหมด 2.369 ลูกบาศก์เมตร น้ำหนักประมาณ 2,800 กิโลกรัม
การกู้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นจากน้ำได้ในวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา มีขึ้น “ท่ามกลางความปีติยินดีของผู้เข้าร่วม และปวงชาวลาวถ้วนหน้า” หนังสือพิมพ์ซึ่งเป็นของทางการนครเวียงจันทน์กล่าว
ตามรายงานของสื่อทางการ ได้มีความพยายามกู้ต้นไม้มณีโคตรมาแล้วครั้งหนึ่งในเดือน มี.ค.ปีที่แล้ว โดยใช้ผู้ชำนาญการจากเมืองหลวงถึง 15 คน วางแผนใช้เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพถึง 2 ลำ ใช้ลวดสลิงดึงต้นไม้ให้พ้นจากน้ำ และนำกลับเข้าพาดบนฝั่ง ด้วยเกรงจะถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากซัดพาหายไป
ความพยายามครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากน้ำพัดแรงเกินไป คณะกรรมการอำนวยการมีมติให้เลื่อนการกอบกู้ไป 1 ปี เป็นเดือน มี.ค.2556 เมื่อน้ำในคอนพะเพ็งลดลงถึงระดับต่ำสุด แต่แล้วก็ลงมือในเดือน ม.ค.นี้ เนื่องจากสภาพการณ์เอื้ออำนวย สื่อของทางการกล่าว
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทม์สก่อนหน้านี้ ต้นไม้มณีโคตรในตำนาน “พะลัก-พะลาม” (รามเกียรติ์) มีกิ่งเพียง 3 กิ่ง ตำนานกล่าวว่า ผลของไม้มณีโคตรที่ติดบนกิ่งแรกเมื่อรับประทานแล้วจะทำให้อายุยืนยาว และเป็นหนุ่มเป็นสาวตลอดไป ผลที่ติดบนกิ่งที่ 2 รับประทานแล้วทำให้เกิดพลัง และมีอำนาจวาสนา
ส่วนผลจากกิ่งที่ 3 ที่ชี้ไปทางทิศตะวันตก รับประทานแล้วจะประสบโชคร้าย ผู้ที่รับประทานเข้าไปจะกลายสภาพเป็นวานร
ไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัดเกี่ยวกับที่มาที่ไปของต้นไม้มณีโคตรที่คอนพะเพ็ง แต่ราษฎรในพื้นที่กล่าวว่า “เห็นมาตั้งแต่เกิด” และเมื่อก่อนโน้นเคยมีการสร้างศาลเพียงตาเอาไว้เพื่อสักการบูชา แต่เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ในปัจจุบัน “มีเพียงนกเท่านั้นที่ไปถึงต้นไม้มณีโคตร”
อีกหลายคนเล่าว่า ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นั่นมาอย่างน้อย 200 ปี ตั้งแต่สมัยอาณาจักรล้านช้าง และต้นมณีโคตรได้โค่นลงจมน้ำคอนพะเพ็งในคืนที่มืดมิด และลมแรง.