.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - คงไม่มีฉายาใดที่จะเหมาะเท่ากับ “อำมหิต” สำหรับพายุชื่อไพเราะ เพราะไต้ฝุ่นบุปผา (Bopha) ได้กลายเป็นฆาตกรใจเหี้ยมโหด คร่าชีวิตผู้คนเป็นผักปลาในสัปดาห์นี้ จนถึงเช้าวันศุกร์ 7 ธ.ค. ฟิลิปปินส์นับจำนวนเหยื่อได้ 418 ศพ ยังมีคนสูญหายอีกจำนวนมากมาย อีกหลายแสนคนตกอยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด ไร้ที่อาศัย
“เฮ้ย! มันก็แค่พายุหลงฤดูละฟะ.. ขึ้นฝั่งมันก็หมดแรงไปเอง” หลายคนอาจจะคิดเช่นนี้ เมื่อได้ทราบข่าวว่าพายุลูกใหม่เริ่มปั่นความเร็วอยู่ในทะเลแปซิฟิกทางตะวันออกของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ทั่วภูมิภาคกำลังย่างเข้าสู่หน้าหนาว
ไต้ฝุ่นในเดือน ธ.ค.? เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดให้เห็นบ่อยนัก นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก ได้ทำพายุเริ่ม “หลงฤดู” ซึ่งในปีนี้พายุโซนร้อนปลาข่า หรือ “ปาข่า” (Pakhar) ตามชื่อในภาษาลาวพัดเข้าทะเลจีนใต้เป็นลูกแรกตั้งแต่เดือน มี.ค.
สำหรับนักพยากรณ์อากาศ แม้จะมีข้อมูลอยู่ในมือมากมายแต่ก็ไม่สามารถจะสรุปอะไรได้ง่ายๆ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกในช่วงกว่า 10 ปีมานี้ ทำให้สภาพการณ์หลายอย่างเปลี่ยนไป การพยากรณ์ลมฟ้าอากาศทำได้ยากยิ่งกว่าเดิม
ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เบนีกโน อะคีโน ซึ่งติดตามข้อมูลจากดาวเทียมได้ออกเตือนประชาชนผ่านโทรทัศน์ และข่ายวิทยุทั่วประเทศในวันที่ 3 ธ.ค.ว่า ศักยภาพการทำลายล้างของพายุลูกใหม่นี้ “No joke” คือ .. ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
เพียงไม่กี่วันหลังก่อตัวเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ บุปผาปั่นตัวเองขึ้นเป็น “ซูเปอร์ไต้ฝุ่น” ระดับ 5 ขณะอยู่ในทะเลแปซิฟิก และอ่อนลงเป็นระดับ 4 ก่อนขึ้นฝั่งที่เกาะมินดาเนา ทางตอนใต้สุดของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ บุปผาได้โชว์นัยน์ตาอันดุดันให้เห็นอยู่ 2 วันเต็มๆ ก่อนสาวสวยชื่อเขมรจะเริ่มทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
ในวันศุกร์นี้ บุปผาจังก้าอยู่กลางทะเลจีนใต้ หันรีหันขวาง หมุนคว้างแบบยากที่จะเดาใจได้ ไม่ต่างกับสาวรุ่นเต้นร็อก
แผนภูมิพยากรณ์ที่สำนักพยากรณ์อากาศชั้นนำของโลกแหลายแห่งออกมาในวันนี้ แสดงให้เห็นการวินิจฉัยข้อมูลที่ต่างกันมาก และแสดงความขัดแย้งเกี่ยวกับทิศทางการเคลื่อนที่ของไต้ฝุ่นลูกใหม่ ซึ่งบ้างก็ชี้ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ บ้างก็ลากเส้นไปทางตะวันทิศตกเฉียงใต้ ซึ่งตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง
ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางในกรุงฮานอย ฟันธงนำหน้าก่อนใครๆ ตั้งแต่วันอังคาร โดยชี้ว่าเมื่อเข้าถึงกลาง "ทะเลตะวันออก" ไต้ฝุ่นบุปผาจะเคลื่อนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อย จากนั้นจะหันหัวลงต่ำ เคลื่อนเป็นแนวซิกแซ็ก ก่อนจะฉีกวงหมุนกลับไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเรื่องนี้จะต้องพิสูจน์
วันศุกร์นี้สำนักฯ แห่งฮานอยยังยืนยันในทิศทางดังกล่าว ในขณะที่ศูนย์ร่วมเตือนภัยไต้ฝุ่น JTWC (Joint Typhoon Warning Center) ซึ่งเป็นหน่วยงานของกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่มีประสบการณ์มากมายไล่จับพายุในย่านแปซิฟิก ชี้ไปอีกทางหนึ่ง
ในวันศุกร์นี้ อีกหลายสำนักก็ยังคงมีความเห็นขัดแย้งกันเกี่ยวกับการเคลื่อนตัวของ “บุปผาร้อยเล่ห์” (โปรดดูแผนภูมิสุดท้ายประกอบ) ขณะพายุยังหมุนติ้วอยู่กลางทะเลใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ไปจนถึงวันอาทิตย์ 9 ธ.ค.นี้ ก่อนจะค่อยๆ มลายไปในต้นสัปดาห์หน้า
.
2
3
4
5
6
บุปผาที่เบ่งบานในหน้าหนาวได้หักปากกาเซียนมาหลายครั้ง รวมทั้งเมื่อเข้าสู่ทะเลจีนใต้ก็ไม่ได้อ่อนตัวลงเป็นพายุโซนร้อนในทันที ตามที่หลายสำนักทำนายล่วงหน้า
ภาพที่ใช้ข้อมูลดาวเทียม MTSAT ในเช้าวันนี้ ยังแสดงให้เห็นไต้ฝุ่นลูกใหญ่หมุนคว้าง พร้อมกับโชว์นัยน์ตาแห่งพายุเล็กแหลม ซึ่งสิ่งนี้จะพบได้ในไต้ฝุ่นที่มีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางระดับ 2-3 ขึ้นไป บุปผาจึงเป็นอีกลูกหนึ่งที่ทำให้นักพยากรณ์อากาศทั่วโลกที่คอย “ไล่จับ” มาแต่ต้น ต้องปวดเศียรเวียนเกล้ามากที่สุด
สำหรับเวียดนามที่มีประสบการณ์มากมายไม่แพ้ใคร และไม่เคยไว้ใจพายุ ได้สั่งจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือลงไปจนถึงภาคกลางเตรียมรับมืออย่างเต็มกำลัง เรือประมงใหญ่น้อยกว่า 30,000 ลำ ที่กำลังหาปลาใน “ทะเลตะวันออก” ต้องรีบกลับเข้าฝั่ง หรือหาแหล่งกำบังตั้งแต่วันพุธเพื่อหลบคลื่นลมแรง
เวียดนามยังไม่หายเหนื่อยกับการ ไล่จับไต้ฝุ่นเซินตีง (Son Tinh) ในช่วงปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา พายุลูกนี้ได้หลอกล่อให้ให้จังหวัดต่างๆ ในภาคกลางต้องเมื่อยล้ากับการอพยพผู้คนหลายหมื่นออกจากพื้นที่เสี่ยง แต่แล้ว “เทพแห่งขุนเขา” ก็เปลี่ยนใจไม่เข้าฝั่ง หากเบนหัวขึ้นเหนือ รีรอๆ ทำท่าจะทะลุข้ามชายแดนเข้าลาว
แต่แล้วไต่ฝุ่นเซินตีงก็เปลี่ยนใจอีกโดยบ่ายหน้าขึ้นเหนือ ทำท่าจะพุ่งตรงเข้าถล่มกรุงฮานอย แล้วก็เปลี่ยนทิศทางอีกครั้งหนึ่งอย่างรวดเร็วชนิดกดปุ่มบนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ไล่หาตำแหน่งไม่ทัน
ไต้ฝุ่นเซินตีงหักปากกาเซียนครั้งสุดท้ายในวันที่ 28 ต.ค. โดยพัดเข้าฝั่งในเขตที่ราบปากแม่น้ำแดง ทำลายสารพัดสิ่งที่ขวางหน้า ก่อนสวิงตัวเองไปทางทิศตะวันออก พัดเข้าเกาะไหหลำ กับมณฑลกว่างซีของจีน พัดผ่าน 3 ประเทศคือ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และจีน ในชั่วเวลา 1 สัปดาห์
ทั้งหมดเป็นความปรารถนาของพระแม่แห่งธรรมชาติ การบังคับให้ไต้ฝุ่นสไลด์ตัวเองเป็นวงโค้งสวยงามและทำให้เต้นร็อกอยู่กลางทะเล เป็นสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปทำไม่ได้.
หลายสำนักไปอีกทาง
7
8
9
10