ซินหัว - เวียดนามได้ดุลการค้าเกินดุลราว 100 ล้านดอลลาร์ในเดือน ก.ค. เทียบเท่ากับร้อยละ 1 ของมูลค่าการส่งออก ช่วยลดการขาดดุลการค้าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2555 ประมาณ 58 ล้านดอลลาร์ นับว่าเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา รายงานของกระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนามระบุวันนี้ (1 ส.ค.)
ระหว่างช่วง 7 เดือนแรกของปี มูลค่าการส่งออกรวมของเวียดนามอยู่ที่ 62,900 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เทียบปีต่อปี ที่ภาคภายในประเทศ 23,900 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 1.7 ขณะที่ภาคการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อยู่ที่ 39,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.6
ขณะเดียวกัน เวียดนามใช้จ่ายไปกับการนำเข้าที่ 63,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 เทียบปีต่อปี โดยเป็นการนำเข้าจากภาคภายในประเทศที่ 30,000 ล้านดอลลาร์ ลดลงร้อยละ 7.3 ขณะที่ภาค FDI ใช้จ่ายเกือบ 33,000 ล้านดอลลาร์ ขยับขึ้นร้อยละ 25.3 เทียบปีต่อปี
จากมูลค่ารวมการนำเข้าของเวียดนามระหว่าง 7 เดือนแรกของปีนี้ ประมาณ 15,300 ล้านดอลลาร์ เป็นการนำเข้าจากจีน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.6 เทียบปีต่อปี
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าลดลง สะท้อนมาตรการที่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลในการควบคุมเงินเฟ้อ และรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค ที่เริ่มปรับใช้ตั้งแต่ต้นปี อย่างไรก็ตาม การลดลงอย่างรวดเร็วของขาดดุลการค้าในช่วงไม่กี่เดือนนี้ อาจมีความเสี่ยงให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
คำเตือนของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว มาจากองค์ประกอบของความจริงที่ว่า อุตสาหกรรมภายในประเทศของเวียดนามส่วนใหญ่พึ่งพาการนำเข้าวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องจักร สำหรับใช้ดำเนินการ ดังนั้น การที่เวียดนามขาดดุลการค้าลดลงจึงเป็นสัญญาณของการหยุดนิ่ง และชะลอตัวของภาคการผลิตภายในประเทศ คำสั่งซื้อที่ลดลงจากลูกค้าต่างชาติ รวมทั้งสินค้าคงเหลือสูง ได้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อการนำเข้าเครื่องจักร และอุปกรณ์ในหลายส่วน
เวียดนามได้เปิดเผยยุทธศาสตร์การนำเข้า และส่งออกปี 2563 และวิสัยทัศน์ปี 2573 โดยตั้งเป้าภาคส่วนการส่งออกเติบโตที่ร้อยละ 11-12 ต่อปี ภาคนำเข้าที่ร้อยละ 10-11 ภายในปี 2563 ส่วนการขาดดุลการค้าจะลดลงให้น้อยกว่าร้อยละ 10 ของมูลค่าการส่งออกภายในปี 2558 และดุลการค้าสมดุลในปี 2563 และการค้าเกินดุลตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป.
