ซินหัว - ประธานาธิบดีเจื่อง เติ่น ซาง ของเวียดนาม เมื่อวันจันทร์ (30 ก.ค.) ได้แถลงสรุปภารกิจการเดินทางเยือนรัสเซียนาน 5 วัน ที่มีวัตถุประสงค์ส่งเสริมความร่วมมือรอบด้านระหว่างสองประเทศ
ในแถลงการณ์ร่วมที่มีขึ้นเมื่อวันศุกร์ (27) รัฐบาลมอสโก และฮานอย ต่างเห็นชอบที่จะสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินการร่วมทุนในภาคอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซในทั้งเวียดนาม และประเทศที่สาม ซึ่งผู้นำของเวียดนามกล่าวยกย่องความสำเร็จในความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างสองฝ่ายที่เขากล่าวว่า เป็นตัวอย่างที่ดีของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ประธานาธิบดีซางกล่าวหลังเสร็จสิ้นการหารือกับประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ว่า บริษัท Vietsovpetro ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2524 จากการร่วมทุนระหว่างเวียดนาม และรัสเซีย เป็นจุดกำเนิดอุตสาหกรรมน้ำมัน และก๊าซทั้งหมดของเวียดนาม นอกจากนั้น โครงการร่วมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความร่วมมือด้านพลังงานที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน
รัสเซียยืนยันว่า จะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นิงห์ทวนในเวียดนามตามกำหนด โดยโครงการเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2544 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563
ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า รัสเซียจะใช้เทคโนโลยีระดับสูง และมีประสิทธิภาพในการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งนี้ ขณะเดียวกัน รัสเซียจะมอบเงินกู้ยืมให้เวียดนามจำนวน 10,000 ล้านดอลลาร์ ที่ส่วนหนึ่งจะใช้สำหรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ประมาณ 8,000 ล้านดอลลาร์
ระหว่างการเยือนรัสเซีย สองประเทศยังได้เห็นชอบที่จะขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าเพิ่มมากขึ้น และเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายทั้งรัฐบาลมอสโก และฮานอยได้พิจารณาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสองฝ่าย
“เราเห็นชอบที่จะประกาศเริ่มต้นการเจรจาหารือเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีอย่างเร็วที่สุดในเดือน ก.ย. 2555 ระหว่างการประชุมความร่วมมือเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่เมืองวลาดิวอสต็อก” ประธานาธิบดีซางกล่าวกับผู้สื่อข่าว ระหว่างเยือนเขตปกครองตนเองเนเนสต์ ทางภาคเหนือของรัสเซีย
ประธานาธิบดีของเวียดนามยังกล่าวว่า เวียดนามมีความสนใจที่จะเข้าร่วมสหภาพศุลกากร (Customs Union) ที่ประกอบด้วย รัสเซีย เบลารุส และคาซัคสถาน ที่จัดตั้งขึ้นและมีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบแล้วตั้งแต่เดือน ก.ค. 2553
“หากมีความตั้งใจทางการเมืองจากผู้นำของเวียดาม และรัสเซีย รวมทั้งจากหุ้นส่วนเบลารุส และคาซัคสถาน เราจะสามารถเริ่มขั้นตอนได้ในเร็วๆ นี้ และนำไปสู่ข้อตกลงการเข้าร่วมสหภาพศุลกากรของเวียดนาม ผมมั่นใจว่า หากข้อตกลงนี้ได้รับความเห็นชอบ และลงนาม สิ่งนี้จะกลายเป็นแรงผลักดันใหม่ที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์ของเวียดนามกับรัสเซีย และมูลค่าทางการค้าที่เพิ่มขึ้น” ประธานาธิบดีซาง กล่าว
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่เกิดขึ้นระหว่างการเยือนรัสเซียของประธานาธิบดีซาง คือ การหารือระหว่างสองฝ่ายเกี่ยวกับฐานทัพอ่าวกามแรง (Cam Ranh) ที่เป็นท่าเรือของเวียดนาม
หลังหารือกับประธานาธิบดีปูติน ประธานาธิบดีซางกล่าวว่า ฐานทัพแห่งนี้จะเปิดรับเรือจากประเทศต่างๆ แต่รัสเซียจะได้รับสิทธิพิเศษ เนื่องจากสองประเทศมีความร่วมมือ และเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์มาอย่างยาวนาน
รัฐบาลรัสเซีย และเวียดนาม ได้ลงนามข้อตกลงในปี 2522 มอบสิทธิใช้ท่าเรืออ่าวกามแรงโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 25 ปี และฐานแห่งนี้ กลายเป็นฐานเรือในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย
แม้ว่ารัสเซีย และเวียดนาม ลงนามในประกาศร่วมความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ในเดือน มี.ค. 2544 แต่รัสเซียตัดสินใจที่จะถอนตัวออกจากฐานอ่าวกามแรงในปี 2545 ก่อนข้อตกลงหมดอายุ 2 ปี.