เอเอฟพี - พม่าวานนี้ (30 ก.ค.) กล่าวกับทูตสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชน ปฏิเสธข้อกล่าวหาการล่วงละเมิดของกองกำลังรักษาความปลอดภัยในเหตุไม่สงบทางชาติพันธุ์ หลังสหประชาชาติแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปราบปรามมุสลิม
ในการแถลงข่าว ที่นายโทมัส โอเจีย ควินตานา ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติเข้าร่วมรับฟังด้วยนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศพม่าระบุว่า รัฐบาลได้ปฏิบัติการอย่างระมัดระวังสูงสุดในการยุติเหตุรุนแรงในรัฐยะไข่ ทางภาคตะวันตกของประเทศ
“พม่าปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อข้อกล่าวหาที่ระบุว่า มีการล่วงละเมิด และใช้กำลังเกินกว่าเหตุโดยเจ้าหน้าที่ในการจัดการสถานการณ์” นายวันนา หม่อง ลวิน กล่าวกับผู้สื่อข่าว
นายควินตานากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันอังคาร (31) เขาวางแผนที่จะเดินทางเยือนรัฐยะไข่ ที่ประชาชนหลายหมื่นคนยังคงไร้ที่อยู่อาศัยจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นระหว่างชุมชนชาวพุทธ และมุสลิมในช่วงต้นเดือน มิ.ย.
การเดินทางเยือนพม่าของนายควินตานาครั้งนี้ มีขึ้นไม่กี่วันหลังสหประชาชาติเตือนว่าชุมชมชาวมุสลิมในรัฐยะไข่ โดยเฉพาะชาวโรฮิงญา ตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังรักษาความปลอดภัย
เมื่อช่วงต้นเดือน ก.ค. องค์กรนิรโทษกรรมสากลได้กล่าวเตือนถึงรายงานที่เชื่อถือได้ถึงการล่วงละเมิด ที่รวมทั้งการข่มขืน และสังหารอย่างผิดกฎหมาย จากทั้งชาวพุทธยะไข่ และกองกำลังรักษาความปลอดภัย
ตามรายงานของทางการพม่าระบุว่า มีประชาชนอย่างน้อย 77 คน ถูกฆ่าในเหตุไม่สงบ รวมทั้ง 8 คน ที่ถูกสังหารโดยกองกำลังรักษาความปลอดภัย
ประชาชนมากกว่า 60,000 คน ต้องอพยพยย้ายที่อยู่อาศัย โดยส่วนใหญ่ประมาณ 53,000 คน เป็นชาวมุสลิม และเจ้าหน้าที่องค์กรช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ 10 คน ที่ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติ 6 คน และพนักงานขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน ( MSF) 4 คน เป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่ถูกควบคุมตัวมากกว่า 800 คน ในความเกี่ยวข้องกับความไม่สงบ
ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกอิสลามถึงภัยคุกคามจากการตอบโต้ชาวพม่าจากบรรดากลุ่มหัวรุนแรง ตั้งแต่ปากีสถาน ไปถึงอินโดนีเซีย.