ศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้องไม่รับฟ้องคดี "สมชาย" สั่งสลายการชุมนุมพันธมิตร ชี้คำฟ้องผิดพลาดไม่มีมูล!!!
ที่ห้องพิจารณาคดี 915 ศาลอาญา วันนี้ (18 ก.ค.) ศาลนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ว่าจะรับฟ้องหรือไม่ ในคดีหมายเลขดำ อ.4142/2551 ที่นายสิทธิพรโพธิโสดา อาชีพทนายความ อ้างเป็นผู้เสียหายจากการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อช่วงปี 2551 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.เป็นจำเลยที่ 1-5 ฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 กลุ่มพันธมิตรฯ ไปชุมนุมปิดล้อมทางเข้า-ออกของอาคารรัฐสภา เพื่อมิให้คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ต่อมาจำเลยที่ 1 สั่งการให้จำเลยที่ 2-5 สลายการชุมนุม ด้วยแก๊สน้ำตา เพื่อเปิดทางให้สมาชิกรัฐสภา คณะรัฐมนตรีเข้าปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภาได้ เป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไปได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บสาหัส ส่วนโจทก์ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ในการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น โจทก์กลับยื่นถอนฟ้องในภายหลัง ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบ ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์อ้างว่าโจทก์ประสงค์ยื่นถอนฟ้องเพียงจำเลยที่ 5 เท่านั้น แต่แค่คำถอนฟ้องผิดพลาด จึงขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาอีกครั้ง
ศาลอุทธรณ์ประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า การถอนฟ้องเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่กระทำผิดพลาด ขณะที่ฟ้องโจทก์ไม่มีมูล จึงพิพากษายกฟ้องไม่รับฟ้อง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ : ย้อนรอย 7 ตุลา ...คนฆ่าพันธมิตรฯ ยังลอยนวล!!
ที่ห้องพิจารณาคดี 915 ศาลอาญา วันนี้ (18 ก.ค.) ศาลนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ว่าจะรับฟ้องหรือไม่ ในคดีหมายเลขดำ อ.4142/2551 ที่นายสิทธิพรโพธิโสดา อาชีพทนายความ อ้างเป็นผู้เสียหายจากการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อช่วงปี 2551 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.เป็นจำเลยที่ 1-5 ฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551 กลุ่มพันธมิตรฯ ไปชุมนุมปิดล้อมทางเข้า-ออกของอาคารรัฐสภา เพื่อมิให้คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ต่อมาจำเลยที่ 1 สั่งการให้จำเลยที่ 2-5 สลายการชุมนุม ด้วยแก๊สน้ำตา เพื่อเปิดทางให้สมาชิกรัฐสภา คณะรัฐมนตรีเข้าปฏิบัติหน้าที่ในรัฐสภาได้ เป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไปได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บสาหัส ส่วนโจทก์ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ในการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น โจทก์กลับยื่นถอนฟ้องในภายหลัง ศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบ ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์อ้างว่าโจทก์ประสงค์ยื่นถอนฟ้องเพียงจำเลยที่ 5 เท่านั้น แต่แค่คำถอนฟ้องผิดพลาด จึงขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาอีกครั้ง
ศาลอุทธรณ์ประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า การถอนฟ้องเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่กระทำผิดพลาด ขณะที่ฟ้องโจทก์ไม่มีมูล จึงพิพากษายกฟ้องไม่รับฟ้อง
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ : ย้อนรอย 7 ตุลา ...คนฆ่าพันธมิตรฯ ยังลอยนวล!!