.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - กระทิงดุตัวที่ไปโผล่ในบริเวณสนามบิน จ.เถื่อเทียนเหว (Thừa Thiên Huế) ในช่วง 2 วันมานี้ ไม่ได้ตายเพราะสัตวแพทย์ให้ยาสลบเกินขนาด แต่สิ้นลมเพราะเหนื่อยอ่อน เนื่องจากอยู่ในถิ่นที่ไม่เหมาะสม เครียดหนักจากเสียงรบกวน และที่สำคัญก็คือ ขาดน้ำ สำนักงานป่าไม้จังหวัดออกคำแถลงฉบับหนึ่งในเช้าวันพุธ 25 ก.ค.นี้ ปฏิเสธรายงานที่สื่อหลายแห่งระบุว่า ใช้ยาสลบมากเกินไปจึงทำให้สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์เคราะห์ร้ายสิ้นลม
การยิงลูกดอกยาสลบมีจุดประสงค์เพื่อนำกระทิงไปยังปางช้างแห่งหนึ่ง เพื่อการดูแลรักษา และนำไปปล่อยกลับคืนสู่ถิ่นเดิมของมันเท่านั้น และเป็นปฏิบัติการโดยคณะผู้เชี่ยวชาญที่นำโดย ดร.ฟานเหวียดเลิม ( Phan Việt Lâm) ผู้อำนวยการสวนสัตว์นครโฮจิมินห์ ถูกต้องตามหลักวิชาการทุกประการ คำแถลงระบุ
อย่างไรก็ตาม กระทิงเคราะห์ร้ายตัวนี้ได้ออกจากป่าซึ่งเป็นถิ่นอาศัยตามธรรมชาติในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เข้าสู่เขตเมือง ทำให้สัตว์เครียดจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ถูกรบกวนด้วยเสียงเครื่องยนต์ และที่สำคัญอันเป็นสาเหตุที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ กระทิงอ่อนแรงมากเนื่องจากขาดน้ำติดต่อกันยาวนานกว่า 24 ชั่วโมง เพราะบริเวณป่าละเมาะข้างสนามบินฝูบ่ายที่หลบซ่อน ไม่มีแหล่งน้ำ
ปฎิการ “ช่วยเหลือ” กระทิงตัวนี้เริ่มในเวลา 09.30 น.วันอังคาร 24 ก.ค.ที่ผ่านมา เมื่อทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโฮจิมินห์เดินทางถึงสนามบินนานาชาติฝูบ่าย และ ยิงยาสลบ 1 ครั้ง เพื่อควบคุมให้สงบ จนกระทั่งทำได้สำเร็จเวลาประมาณ 16.00 น.ก่อนจะขนย้ายไปยังปางช้างเพื่อฟื้นฟูสุขภาพ แต่กระทิงอ่อนเพลียมาก ชีพจรเริ่มช้าลง แม้สัตวแพทย์จะใช้เครื่องช่วยหายใจก็ไม่สามารถฟื้นให้กลับคืนมาได้ กระทิงตายอย่างสงบในเวลาประมาณ 17.00 น. คำแถลงระบุ
กระทิงเป็นสัตว์ป่าสงวนที่ใกล้สูญพันธุ์ใน “บัญชี B” ของรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ซึ่งได้ผลสรุปตรงกันว่า กระทิงสิ้นใจเพราะเหนื่อยอ่อน และขาดน้ำ ไม่ได้เกี่ยวกับยาสลบแต่อย่างใด การขาดน้ำยาวติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้สัตว์ขนาดใหญ่น้ำหนักราว 1.2 ตันไม่สามารถจะทนอยู่ได้
ทางการจังหวัดได้มอบหมายให้คณะนักวิทยาศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์นครเหว รับผิดชอบในการฝังทำลายซากกระทิงทั้งตัวด้วยสารเคมีในจุดที่กำหนด และจัดเวรยามเฝ้ารักษาสถานที่เป็นเวลา 15 วัน ป้องกันการขโมยเนื้อ หนัง กระดูก หรือชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ อันเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนในกฎหมายการพิทักษ์สัตว์ป่า คำแถลงกล่าว
.
.
.
.
ยังไม่มีใครอธิบายได้ว่า เพราะเหตุใดกระทิงหนุ่มซึ่งสูงเกือบ 2 เมตร จึงหนีออกจากป่าเข้าเมือง และเล็ดลอดสายตาของผู้คนไปจนถึงท่าอากาศยานนานาชาติในภาคกลางแห่งนี้ได้อย่างไร และตั้งแต่เมื่อไร
ตามรายงานของสื่อทางการ กระทิงได้ขวิดหญิงชราวัย 85 ปีคนหนึ่งเสียชีวิตในหมู่บ้านใกล้เคียง ญาติไปพบศพในตอนเช้าวันอังคาร 23 ก.ค. และเข้าแจ้งความระบุว่า อาจจะเป็นวัวขนาดใหญ่ เนื่องจากทำให้เกิดแผลเหวอะบริเวณหน้าอกของผู้ตาย ซึ่งในขณะนั้น ยังไม่มีผู้ใดทราบว่าเป็นกระทิง
จนกระทั่งตกเย็น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานฝูบ่าย ได้สังเกตพบความผิดปกติในป่าละเมาะข้างสนามบิน และติดตามดูจึงพบสัตว์ป่าขนาดใหญ่ตัวนี้
หลังจากนั้น ได้มีการระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารในท้องถิ่น ตลอดจนหน่วยกู้ภัยไปยังที่เกิดเหตุ ทุกฝ่ายตระหนักดีว่า เป็นสัตว์ป่าสงวนจึงไม่ยิงสังหาร และหาทางล่อให้ไปติดหล่มในแหล่งน้ำที่อยู่ไม่ไกลออกไป แต่ไม่ประสบความสำเร็จ กระทิงไม่ยอมออกจากแหล่งหลบซ่อน จนกระทั่งต้องมีการยิงยาสลบ เพื่อการขนย้ายดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สื่อออนไลน์บางแห่งยังแสดงความกังขาต่อคำแถลงเกี่ยวกับการตายของกระทิงเคราะห์ร้าย ผู้อ่านข่าวออนไลน์จำนวนไม่น้อยก็แสดงความสงสัยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อสาเหตุการตายเพราะความอ่อนเพลีย เนื่องจากกระทิงเป็นสัตว์ที่แข็งแรงมาก ไม่น่าที่จะล้มตายง่ายๆ เช่นนั้น.