xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวใหญ่แผนสหรัฐฯ ส่งฝูงบิน B-1 คุมทะเลจีนใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#000033>เครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B Lancer กำลังลงจอดที่ฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ในภาพแฟ้มที่ไม่ได้ระบุวันถ่ายบริษัทร็อคเวล (เป็นส่วนหนึ่งของโบอิ้งในปัจจุบัน) สื่อในสหรัฐฯ รายงานว่ากองทัพอากาศสหรัฐมีแผนการจะส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ทันสมัยที่สุดในโลกรุ่นนี้ประจำการที่เกาะกวมในแปซิฟิก เพื่อคุมสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ สื่อทั้งในจีนและเวียดนามติดตามข่าวนี้กันอย่างตื่นเต้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา.  </b>
.

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - การกลับคืนสู่เอเชียของสหรัฐฯ ไม่เพียงแต่จะมีการเคลื่อนเรือรบราว 60% เข้ามาเท่านั้น หากยังเป็นการกลับมาพร้อมขีดหมายสำคัญใหม่ๆ จำนวนมาก และครั้งนี้ กองทัพอากาศกำลังจะเข้าไปมีบทบาทสำคัญอีกครั้งหนึ่งเช่นเมื่อครั้งสงครามในเวียดนาม เพียงแต่ครั้งนี้ภารกิจต่างกัน กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีแผนการจะให้ฝูงบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ B-1B “Lancer” หันหน้าเข้าทะเลจีนใต้ด้วย

สื่อหลายสำนัก ทั้งของจีน และเวียดนามต่างรายงานข่าวความเคลื่อนไหวนี้อย่างครึกโครมในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอ้างรายงานของยูเอสเอทูเดย์ (USA Today) หนังสือพิมพ์รายวันที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในสหรัฐฯ

ต่างไปจากสงครามเวียดนามที่สหรัฐฯ ใช้ไทยกับฟิลิปปินส์เป็นฐานทัพหลักของเครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์ B-52 ในภารกิจโจมตีทิ้งระเบิดตัดเส้นทางลำเลียงขนส่งของฝ่ายคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือที่มุ่งลงสู่ภาคใต้ แต่คราวนี้ B-1B “แลนเซอร์” จะใช้ฐานทัพที่เกาะกวมในมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นศูนย์ปฏิบัติการ

นี่คือเครื่องบินทิ้งระเบิดคนละยุคสมัยกับ B-52 และไม่อาจจะเทียบกันได้ทั้งในด้านสมรรถนะ รัศมีปฏิบัติการ และความสามารถในการโจมตีทำลายฝ่ายข้าศึก รวมทั้งภารกิจแตกต่างกันอีกด้วย

สหรัฐฯ ยังไม่ได้ประกาศเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ แต่ยูเอสเอทูเดย์กล่าวว่า B-1B อาจจะเข้าไปมีบทบาทสำคัญในทะเลจีนใต้ น่านน้ำแห่งความขัดแย้ง และ “จุดเดือด” แห่งล่าสุดในแผนที่โลก ซึ่งในกรณีที่เกิดสงครามที่สหรัฐฯ กับพันธมิตรถูกข่มขู่ เครื่องบินทิ้งระเบิดยุทธศาสตร์จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่สุด

ในสงครามอิรัก และอัฟกานิสถานสหรัฐฯ ใช้ทหารบกกับกำลังนาวิกโยธินเป็นกำลังปฏิบัติการหลัก โดยมีเรือรบของกองทัพเรือในอ่าวเปอร์เซีย และมหาสมุทรอินเดียสนับสนุนการโจมตีทางอากาศ แต่ในย่านทะเลจีนใต้ กองทัพอากาศจะเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกองทัพเรือ

สหรัฐฯ ยังไม่ได้ประกาศว่า B-1B จะเข้าไปมีบทบาทอย่างไรบ้าง แต่นักวิเคราะห์ของจีนมองล่วงหน้าไปไกลแล้ว

“ต่อไปนี้ ภารกิจของเครื่องบินทิ้งระเบิดบี-1 จะไม่ใช่เขตภูเขาในอัฟกานิสถานอีกแล้ว หากเป็นเป้าหมายจีนทั้งในทะเล และแผ่นดินใหญ่” นักวิเคราะห์คนหนึ่งของสื่อกลาโหม ChinaDefence.Com กล่าว ทั้งยังชี้ให้เห็นว่า บี-1 เป็นภัยข่มขู่ใหญ่โตที่สุดสำหรับกองเรือพิฆาต และเรือบรรทุกเครื่องบินจีนในอนาคต

การเปิดเผยเรื่องนี้มีขึ้นในช่วงที่การเผชิญหน้าระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ตึงเครียดหนัก และถ้าหากเกิดการต่อสู้รุนแรงทางเรือระหว่างสองประเทศ ก็อาจจะเลี่ยงไม่พ้นที่สหรัฐฯ จะเข้าแทรกแซงโดยตรง ตามสนธิสัญญาพันธไมตรีที่เซ็นกับฟิลิปปินส์ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

เครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B กำลังจะเข้าสนับสนุนภารกิจของกองทัพเรือที่ 7 ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อพิทักษ์คาบสมุทรเกาหลี และรักษาเส้นทางเดินเรือเสรีทะเลจีนใต้ ในบรรดา 6 หรือ 7 ภารกิจ

นักวิเคราะห์กลาโหมจีนได้เรียกร้องให้ทางการคอมมิวนิสต์ต้องคิดค้นพัฒนาอาวุธต่อสู้อากาศยานที่ประสิทธิภาพสูงสามารถรับมือกับ B-1B ที่บินในความเร็วสูงกว่า 1,400 กม.ต่อชั่วโมง เพื่อป้องกันเรือพิฆาต กับเรือบรรทุกเครื่องบินในอนาคต
.

.
ที่ฐานทัพอากาศโคโลราโด

ในงาน Avalon Airshow 2011

ปฏิบัติการปูพรม



.
เครื่องบิน B-1B บรรทุกอาวุธต่างๆ ได้น้ำหนักกว่า 56 ตัน (125,000 ปอนด์ หรือ 56,700 กิโลกรัม เทียบกับเครื่องบินรบขนาดเล็กที่บรรทุกได้เพียง 4 ตันเศษเท่านั้น มากที่สุดในบรรดาเครื่องบินทิ้งระเบิดที่สหรัฐฯ เคยประดิษฐ์คิดค้นนำเข้าประจำการ นอกจากนั้น ยังปฏิบัติการได้ทั้งในเพดานบินต่ำ และสูงมากด้วยความเร็วเกือบ 3 เท่าเสียง มีระบบป้องกันตัวเองรอบด้าน

แม้จะมีขนาดใหญ่โตมหึมา แต่ B-1B ใช้คนประจำบนเครื่องเพียง 4 คน เป็นนักบินกับผู้ช่วย เจ้าหน้าที่เทคนิคกับเจ้าหน้าที่ควบคุมระบบอาวุธ ปฏิบัติการอย่างเป็นอิสระ ในทุกสภาพอากาศ ไปได้ในทุกที่ และทุกเวลา ไม่ต้องพึ่งพาการช่วยเหลือใดๆ จากภาคพื้นดิน ไม่ต้องเติมน้ำมันกลางหาว

ปัจจุบัน B-1B เป็นกำลังหลักในการปฏิบัติการระยะไกลของกองทัพอากาศ สามารถบินไป “หย่อน” ทั้งอาวุธนำวิถี ทั้งอาวุธที่ควบคุมความแม่นย้ำ และอาวุธทั่วไปได้ในทุกหนแห่งทั่วโลก

นักวิเคราะห์ของจีนกล่าวอีกว่า B-1B สามารถใช้เกาะกวมเป็นฐานในการปฏิบัติการทั่วเอเชียแปซิฟิกได้ ปัจจุบัน ยังสามารถติดตั้งขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางได้ แต่อาวุธทางยุทธวิธีที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าก็คือ AGM-158A JASSM ขีปนาวุธสำหรับโจมตีเป้าหมายทั้งบนบก และทางทะเล

ตามข้อมูลของเว็บไซต์ข่าวกลาโหม ขีปนาวุธ AGM-158A เป็นจรวดร่อนแบบ “สเตลธ์” ติดตั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่อต้านการรบกวนโดยเรดาร์ มีระบบนำทางด้วยอินฟราเรด ยากแก่การตรวจจับ เป็นอาวุธก้าวหน้าล้ำยุคมากที่สุดอีกชนิดหนึ่ง

ทันทีที่ปล่อยออกไป จรวดจะทำจะงานอย่างเป็นอิสระตามโปรแกรมที่ตั้งล่วงหน้า มันจะกางปีกเล็กทั้งสองข้างออกโดยอัตโนมัติ และมีแพนหางเช่นเดียวกับเครื่องบิน สำหรับควบคุมการ “ร่อน” ด้วยความเร็วสูง

เมื่อเข้าใกล้เป้าหมาย จรวดจะวิ่งเข้าหาด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า “การเลือกอย่างสุขุม” (Standoff Missile) ก่อนพุ่งเข้าใส่ในตำแหน่งเหมาะที่สุด เพื่อการทำลายที่ได้ผลสูงสุดด้วยหัวรบบรรจุวัตถุระเบิดเข้มข้นแบบ WDU-42/B น้ำหนัก 1,000 ปอนด์ (450 กก.)

ในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรก เคยมีการนำภาพ “สมาร์ตมิสไซล์” ชนิดหนึ่งออกเผยแพร่ทางโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ผู้ชมทั่วโลกรู้สึกทึ่งที่มันสามารถร่อนเข้าทางหน้าต่างเพื่อทำลายอาคารทั้งหลังจากภายใน หรือวิ่งเข้าปากถ้ำเพื่อระเบิดปากทางเข้า และนั่นก็คือ ขีปนาวุธ AGM-158A ที่โลกได้รู้จักเป็นครั้งแรก

ปัจจุบัน AGA-158A ติดตั้งในเครื่องบินรบหลายรุ่น รวมทั้งในตระกูล F-18 “ฮอร์เน็ต” และ “ซูเปอร์ฮอร์เน็ต” บนเรือบรรทุกเครื่องบิน และ F-35 “ไล้ต์นิง” เครื่องบินรบยุคที่ 5 “สเตลธ์” ก้าวหน้าที่สุดของค่ายสหรัฐฯ ในขณะนี้ แต่ B-1B ติดขีปนาวุธชนิดนี้ถึง 24 ลูกเป็นมาตรฐาน มากพอสำหรับทำลายเรือรบทั้งกองในทะเลจีนใต้

นอกจากนั้น ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมาสหรัฐฯ ยังได้พัฒนาให้มีสมรรถนะสูงยิ่งขึ้นโดยใช้เครื่องยนต์รุ่นใหม่ขับเคลื่อน กลายเป็น AGM-158B เพิ่มระยะปฏิบัติการขึ้นเป็น 600 ไมล์ หรือ 1,000 กม. และในปัจจุบัน กองทัพอากาศสหรัฐฯ มี B-1B ประจำการถึง 60 ลำ โดยยังไม่ต้องพูดถึง B-2 กับ B-52.

AGM-158A จรวดร่อน "สเตลธ์" มฤตยูจากห้วงหาว


จรวดร่อนโทมาฮอว์ค มฤตยูจากท้องทะเล

กำลังโหลดความคิดเห็น