xs
xsm
sm
md
lg

รัสเซียยุติเจรจาขาย Su-35 ให้จีน หวั่นซื้อไปก๊อบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#000033>เครื่องต้นแบบของเครื่องบินล้ำยุค Su-35 ซูเปอร์แฟล็งเคอร์ (Super Flanker) ระหว่างทดลองบินเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้บริหารของบริษัทค้าและส่งออกอาวุธของรัสเซียเปิดเผยในกรุงกัวลาลัมเปอร์สัปดาห์นี้ว่า หลังดำเนินมาหนึ่งปีครึ่ง การเจรจาขายอาวุธให้แก่จีนได้ยุติลงแล้ว โดยระบุว่าจีนต้องการซื้อ จำนวนจำกัด ขณะที่ฝ่ายรัสเซียต้องการขายแบบ ล็อตใหญ่ ซึ่งอาจจะสะท้อนว่า จีนไม่พอใจ ล็อตใหญ่ 48 ลำ มูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์ โดยไม่ได้เทคโนโลยีทันสมัยติดไปกับเครื่องด้วย และหันมาขอซื้อแบบ ล็อตเล็ก ขณะที่ฝ่ายรัสเซียเกรงว่า จะเป็นการซื้อไปเพื่อทำเลียนแบบ.-- ภาพ: สำนักข่าวโนวอสติ.  </b>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เดือน ก.พ.ปีนี้มีข่าวฮือฮาชิ้นหนึ่งที่ทั้งภูมิภาคและทั่วโลกจับตามองอย่างใกล้ชิดคือ ข่าวที่ว่า รัสเซียกำลังจะเซ็นสัญญาซื้อขายเครื่องบินรบล้ำหน้าซูคอย-35 (Su-35) ให้แก่จีนจำนวน 48 ลำ มูลค่าราว 4,000 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายภายในรัสเซียเอง แต่สัปดาห์นี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป

การเจรจาซื้อขายดังกล่าวได้ได้หยุดลงแล้ว ผู้บริหารบริษัทค้าและส่งออกอาวุธของรัฐ เป็นผู้เปิดเผยเรื่องนี้

“เราได้พยายามส่งเสริมซู-35 ในตลาดจีน” นายวิกเตอร์ โกมาดิน (Victor Komadin) รองผู้อำนวยการบริษัทรอสโซบอโรเน็กซ์พอร์ต (Rosoboronexport) ในสังกัดกระทรวงกลาโหม กล่าวในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา ระหว่างไปร่วมงานแสดงด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จัดขึ้นในกรุงกัวลาลัมเปอร์

“อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจีนต้องการซื้อ (เครื่องบินซู-35) ในจำนวนจำกัด ขณะที่เราต้องการขายล็อตใหญ่ เพื่อให้การซื้อขายมีความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ” นายโกมาดินกล่าวโดยไม่ได้อธิบายในรายละเอียด แต่ถือเป็นการสิ้นสุดการเจรจาที่ดำเนินมาตั้งแต่ปลายปี 2553

ข่าวที่ระบุว่า จีนเจรจาซื้อล็อตใหญ่ถึง 48 ลำ รวมทั้งครั้งล่าสุดในเดือน ก.พ.ปีนี้ ล้วนเป็นข่าวที่รายงานโดยสื่อในรัสเซีย ซึ่งบัดนี้แสดงให้เห็นว่า จีนได้ต่อรองลดจำนวนที่ขอซื้อลง แต่นายโกมาดินก็ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขว่าเป็นจำนวนกี่ลำ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีข่าวนี้จากฝ่ายจีน

นักวิเคราะห์มองก่อนหน้านี้ว่า การขอซื้อเครื่องบินล้ำหน้า “ยุคที่ 4++” ของรัสเซีย อาจจะสะท้อนว่า จีนกำลังมีปัญหาในการผลิตเครื่องบินล้ำยุคของตน ขณะเร่งพัฒนากองทัพประชาชนที่มีกำลังพลมากที่สุดในโลกให้ทันสมัย ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า หากไม่นำเข้าเทคโนโลยีที่จำเป็นต่างๆ จีนก็อาจจะต้องใช้เวลาอีก 20-30 ปี จึงจะทัดเทียมโลกตะวันตก

อีกจำนวนหนึ่งกล่าวก่อนหน้านี้ว่า หากรัสเซียไม่ยอมติดตั้งอุปกรณ์การบินกับเครื่องยนต์เทคโนโลยีสูง รวมทั้งระบบอาวุธที่ทันสมัยใน Su-35 ให้แก่จีน ฝ่ายจีนก็อาจจะสนใจการซื้อล็อตใหญ่น้อยลง และอาจจะไม่ยอมตกลงในที่สุด
.
<bR><FONT color=#000033>เครื่องต้นแบบของเครื่องบิน ซู-35 ซูเปอร์แฟล็งเคอร์ ระหว่างขึ้นบินทดสอบนัดหนึ่ง ผู้บริหารบริษัทค้าและส่งออกอาวุธของรัสเซียเปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่า การเจรจาซื้อขายเครื่องบินรุ่นนี้กับจีนได้ยุติลงแล้วหลังดำเนินมาหนึ่งปีครึ่ง นี่คือเครื่องบินรบ ยุคที่ 4 ++ สุดล้ำหน้าของรัสเซีย ซึ่งในสัปดาห์นี้เช่นกันได้ขึ้นบินทดสอบเป็นครั้งที่ 500 แล้ว สำนักข่าวของทางการรายงาน.-- ภาพ: สำนักข่าวโนวอสติ. </b>
.
ข่าวการเจรจาซื้อขายเครื่องบิน Su-35 “ซูเปอร์แฟล็งเคอร์” (Super Flanker) เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในเว็บไซต์ข่าวกลาโหมต่างๆ มาตลอด รวมทั้งผ่านสื่อต่างๆ ในรัสเซียด้วย นักวิชาการในกรุงมอสโกหลายรายได้ออกเตือนรัฐบาลประธานาธิบดีดิมิตรี เมดเวเดฟ ให้ระวังการขายอาวุธทันสมัยให้จีน ซึ่งในอดีตเป็นศัตรูคู่อาฆาตของค่ายคอมมิวนิสต์ใหญ่โซเวียต

เมื่อโซเวียตแตกเป็นเสี่ยง และกลายมาเป็นสหพันธรัฐรัสเซียซึ่งล้มละลายทางเศรษฐกิจนั้น ประเทศนี้ต้องการเงินมหาศาลไปพัฒนาประเทศ รวมทั้งซื้ออาหารให้แก่ประชาชน กว่า 140 ล้านคน ทำให้ต้องขายอาวุธที่มีอยู่เหลือเฟือให้จีน รวมทั้งขายลิขสิทธิ์การผลิตเครื่องบินรบ Su-27 “แฟล็งเคอร์” ให้ด้วย

จาก Su-27 จีนได้พัฒนาเครื่องบินคู่แฝดขึ้นมา ภายใต้รหัส J-15 ซึ่งดูดีกว่า และเก็บงานต่างๆ ได้ละเอียดกว่าเครื่องบินต้นแบบของรัสเซียเสียอีก รวมทั้งติดระบบควบคุมการบิน ระบบเรดาร์และระบบควบคุมอาวุธ รวมทั้งใช้เครื่องยนต์ที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีของจีนเอง

ซู-27 เป็นเครื่องบินรบอเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และประสิทธิภาพดีที่สุดอีกรุ่นหนึ่งของโลก เคยได้ชื่อเป็นเจ้าเวหาของค่ายหลังม่านเหล็กในยุคสงครามเย็น

บริษัทซูคอยได้พัฒนาเครื่องบินรุ่นนี้มาเป็นระยะ และใช้รหัสเรียกต่างๆ กันไปตามเทคโนโลยี ระบบอาวุธ หรือเครื่องยนต์ที่ติดตั้งใหม่ ปัจจุบัน รัสเซียได้พัฒนามาถึง Su-30 ทั้งเพื่อใช้ในกองทัพและส่งออก และพัฒนา Su-33 เพื่อประจำการบนเรือบรรทุกคุซเน็ตซอฟ

ปัจจุบัน จีนกำลังเร่งพัฒนาเครื่องบิน “ซู-33” ของจีนเองเช่นกัน โดยใช้รหัส J-18 และอยู่ระหว่างทดลองใช้บนเรือบรรทุกเครื่องบินวาร์แยก (Varyag) ที่จีนสร้างขึ้นใหม่จากโครงเรือที่เอกชนรายหนึ่งซื้อจากสาธารณรัฐยูเครนในสภาพเศษเหล็ก เพื่อนำไปทำเป็น “กาสิโนลอยน้ำ”

Made in China จีนทำได้ทุกอย่าง
<bR><FONT color=#000033>เครื่องบินรบ Su-30 ที่จีนซื้อจากรัสเซียช่วงกว่า 10 ปีมานี้ ปัจจุบันกองทัพอากาศจีนมี Su-30MK รุ่นเก่า 76 ลำ กับ Su-30MK2 ที่ใหม่กว่าอีก 23 ลำ รหัสต่อท้ายของแต่ละรุ่นบ่งบอกความแตกต่างเกี่ยวกับระบบควบคุมการบิน ระบบเรดาร์ หรือระบบควบคุมอาวุธที่ติดตั้ง ปัจจุบัน Su-30 เป็นเครื่องบินรบหลัก และทันสมัยที่สุดของจีน แต่ J-15 (ภาพต่อไป) ที่ผลิตออกมาเองก็ได้รับคำชมจากนักวิเคราะห์ตะวันตกว่า ใกล้เคียง กับ Su-30 เข้าไปมากแล้ว. -- ภาพ: เว็บไซต์ Aussie Defnce.  </b>
<bR><FONT color=#000033>จาก Su-27 ที่รัสเซียยอมขายสิทธิบัตรให้ไปผลิตเองเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ปัจจุบันจีนผลิตเครื่องบินคู่แฝด J-15 ขึ้นมาซึ่งได้รับคำชมว่า ดูดีกว่า และเก็บงานต่างๆ ละเอียดสวยงามกว่า Su-27 ของรัสเซียเสียอีก แถมยังติดระบบควบคุมการบิน ระบบเรดาร์ ระบบควบคุมอาวุธ รวมทั้งเครื่องยนต์ที่จีนผลิตขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีของตนเองอีกด้วย รัสเซียเกรงว่าการที่จีนขอซื้อ Su-35 ซูเปอร์แฟล็งเคอร์ ใน จำนวนจำกัด อาจเป็นการซื้อไปเพื่อผลิตเลียนแบบขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่ง การเจรจาซื้อขายที่ดำเนินมาปีครึ่งได้ยุติลงแล้ว. --ภาพ:  Aussie Defence. </b>
.
เครื่องบิน J-18 ของจีนก็มีที่มาคล้ายกัน เป็นการพัฒนาแบบสร้างขึ้นใหม่จากโครงของ Su-33 ลำหนึ่งที่สหภาพโซเวียตทิ้งเอาไว้ในสาธารณรัฐยูเครน และจีนซื้อไปในสภาพเศษเหล็กเมื่อกว่า 10 ปีก่อน

อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทค้าอาวุธของรัฐบาลจะอ้างว่า Su-35 เวอร์ชันส่งออก รวมทั้งที่จะขายให้จีนนั้น จะไม่ได้เทคโนโลยีการบินและเทคโนโลยีอาวุธที่ทันสมัยไปด้วย และติดเครื่องยนต์คนละรุ่นกับที่ใช้ในกองทัพอากาศรัสเซีย แต่นักวิชาการก็มองว่า วันหนึ่งข้างหน้า จีนอาจจะหันคมหอกคมดาบเหล่านี้กลับเข้าใส่รัสเซียก็เป็นได้

แต่บางเสียงก็กล่าวว่า ถึงกระนั้นการขายอาวุธให้จีนก็อาจจะมีผลดี อย่างน้อยจะทำให้รัสเซีย “รู้จักจีน” มากยิ่งขึ้นในยามศึกสงคราม

ยังไม่มีข่าวคราวใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้จากฝ่ายจีนอีกเช่นเคย.
กำลังโหลดความคิดเห็น