ASTVผู้จัดการออนไลน์ - สื่อออนไลน์ในเวียดนามกำลังโจษจัน และถกเถียงกันเกี่ยวกับรูปภาพที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ข่าวกลาโหมของจีนสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจะเห็นเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ J-15 ลำหนึ่งจอดอยู่บนเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของแดนมังกรที่กำลังอยู่ระหว่างทดสอบเช่นกัน นอกจากนั้น ก็ยังมีเฮลิคอปเตอร์อีก 1 ลำ ที่จีนจะใช้เป็นอากาศยานเตือนภัยล่วงหน้าอยู่บนเรือด้วย
เครื่องบิน J-15 ถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยสายเคเบิล เช่นเดียวกันกับ เฮลิคอปเตอร์ Z-8AEW อากาศยานตรวจการณ์และเตือนภัยล่วงหน้า อันเป็นองค์ประกอบสำคัญของ “ทัพฟ้าลอยน้ำ” แต่ ฮ.ในภาพยังไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ใดๆ
ไม่มีคำอธิบายว่า J-15 ต้นแบบลำดังกล่าวลงไปจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยวิธีใด แต่จอดอยู่ในสภาพที่พับปีกและมีเคเบิ้ลจำนวน 8 สายยึดเอาไว้บนดาดฟ้าเรือ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนกำลังพัฒนาอุปกรณ์ที่เรียกว่า “เบรกเคเบิล” ที่ใช้กันอยู่บนเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งของค่ายสหรัฐฯ และรัสเซีย
รัสเซียปฏิเสธที่จะขายเบรกเคเบิลที่ใช้บนเรือบรรทุกเครื่องบินแอดมิรัลคูซเน็ตซอฟของตนให้แก่จีน เพราะเกรงถูกลอกเลียนเทคโนโลยี เช่นเดียวกับที่ไม่ขายเครื่องบิน Su-33 ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นเครื่องบินรบหลักบนเรือบรรทุกเครื่องบินของตน ทำให้จีนต้องพัฒนา J-15 ขึ้นมา โดยใช้พื้นฐานจากโครงเครื่องบินต้นแบบ Su-33 ลำหนึ่งที่ซื้อจากยูเครน เช่นเดียวกันกับเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของแดนมังกร
ผู้อ่านในเวียดนามหลายคนลงความเห็นว่า กองทัพปลดแอกประชาชนจีนกำลังทดสอบครั้งสำคัญ ในการพัฒนาระบบ “เบรกเคเบิล” เพื่อให้เครื่อง J-15 กับ เฮลิคอปเตอร์ หรือเกระทั่งครื่องบินเตือนภัยทางอากาศล่วงหน้าในอนาคต สามารถจอดบนดาดฟ้าเรือได้โดยไม่พลัดตกลงทะเล
แต่อีกหลายคนก็ลงความเห็นว่า ภาพชุดล่าสุดนี้บ่งบอกว่าจนถึงวันนี้จีนก็ยังไม่สามารถนำเครื่อง J-15 ลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบินได้ โดยสายเคเบิลทั้ง 8 สายที่ผูกเครื่องบินเอาไว้ให้อยู่กับที่นั้นเป็นตัวบ่งชี้
หากปราศจากระบบจอดเครื่องบิน ก็ไม่อาจนำเครื่องลงไปไว้บนเรือได้ไม่ว่าจะบนชั้นดาดฟ้า หรือในชั้นจัดเก็บ ซึ่งหมายความว่าจะยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเรือบรรทุกเครื่องบินได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ภาพใหม่นี้สอดคล้องกับข่าวเล่าลือเมื่อตอนต้นปี ที่ระบุว่า จีนกำลังพัฒนาระบบเบรกเคเบิ้ลของตัวเอง และอยู่ระหว่างทดสอบ ทั้งนี้จีนไม่ได้ออกมารับหรือปฏิเสธรายงานข่าวเหล่านี้
จีน กล่าวว่า เรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้จัดสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อการทดลองและวิจัยเท่านั้น จีนได้นำออกทดสอบแล่นในทะเลมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ขณะที่เรือบรรทุกเครื่องบินที่จะนำเข้าประจำการในกองทัพนั้น จะสร้างขึ้นใหม่จำนวน 2 ลำ โดยออกแบบและใช้เทคโนโลยีของจีนเอง
ในเดือน เม.ย.2011 หนังสือพิมพ์อาซาฮีชิมบุง กับสถานีโทรทัศน์ญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่งรายงานว่า จีนกำลังพัฒนาและทดลองเครื่องบินขับไล่แบบ J-18 ที่ขึ้นลงบนทางวิ่งสั้นๆ ได้ กับอีกรุ่นหนึ่งที่ขึ้นลงแนวดิ่งได้ การทดลองดังกล่าวกระทำในพื้นที่ลับแห่งหนึ่งของเขตมองโกเลียในทางตอนเหนือของประเทศ แต่หน่วยงานกระทรวงกลาโหมของจีนออกแถลงปฏิเสธ โดยระบุว่า เรื่องนี้เป็นเพียงการคาดเดาของสื่อญี่ปุ่น และไม่มีข้อมูลใดๆ ที่จะเผยแพร่
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปี สำนักข่าวกลาโหมของจีนเองได้นำภาพเครื่องบิน J-18 ออกเผยแพร่ ทั้งยังนำเอาภาพเครื่องบินต้นแบบที่กำลังแล่นไปตามรันเวย์ที่สนามบินแห่งหนึ่งออกโชว์เป็นครั้งแรกด้วย ซึ่งช่วยยืนยันข่าวของสื่อในญี่ปุ่นก่อนหน้านั้น
เครื่องบินรบ J-18 กับเครื่องบินที่ขึ้นลงทางดิ่งเช่นเดียวกันกับ F-35 ของค่ายสหรัฐฯนั้น รัสเซียเองก็กำลังพัฒนาเครื่องบินรุ่นที่ทัดเทียมกันของตนเองเพื่อใช้เป็นเครื่องบินประจำการบนเรือคุซเน็ตซอฟในอนาคต
และถ้าหากจีนพัฒนา J-18 ได้สำเร็จ เครื่องบินรบ J-15 ที่เป็นปริศนาอยู่ในขณะนี้ ก็จะเป็นรุ่นที่ล้าหลังไป ไม่ต่างไปจาก Su-33 ของรัสเซียที่ต้นตำรับสุดหวงแหน
เครื่องบิน J-15 ถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยสายเคเบิล เช่นเดียวกันกับ เฮลิคอปเตอร์ Z-8AEW อากาศยานตรวจการณ์และเตือนภัยล่วงหน้า อันเป็นองค์ประกอบสำคัญของ “ทัพฟ้าลอยน้ำ” แต่ ฮ.ในภาพยังไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ใดๆ
ไม่มีคำอธิบายว่า J-15 ต้นแบบลำดังกล่าวลงไปจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยวิธีใด แต่จอดอยู่ในสภาพที่พับปีกและมีเคเบิ้ลจำนวน 8 สายยึดเอาไว้บนดาดฟ้าเรือ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนกำลังพัฒนาอุปกรณ์ที่เรียกว่า “เบรกเคเบิล” ที่ใช้กันอยู่บนเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งของค่ายสหรัฐฯ และรัสเซีย
รัสเซียปฏิเสธที่จะขายเบรกเคเบิลที่ใช้บนเรือบรรทุกเครื่องบินแอดมิรัลคูซเน็ตซอฟของตนให้แก่จีน เพราะเกรงถูกลอกเลียนเทคโนโลยี เช่นเดียวกับที่ไม่ขายเครื่องบิน Su-33 ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นเครื่องบินรบหลักบนเรือบรรทุกเครื่องบินของตน ทำให้จีนต้องพัฒนา J-15 ขึ้นมา โดยใช้พื้นฐานจากโครงเครื่องบินต้นแบบ Su-33 ลำหนึ่งที่ซื้อจากยูเครน เช่นเดียวกันกับเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของแดนมังกร
ผู้อ่านในเวียดนามหลายคนลงความเห็นว่า กองทัพปลดแอกประชาชนจีนกำลังทดสอบครั้งสำคัญ ในการพัฒนาระบบ “เบรกเคเบิล” เพื่อให้เครื่อง J-15 กับ เฮลิคอปเตอร์ หรือเกระทั่งครื่องบินเตือนภัยทางอากาศล่วงหน้าในอนาคต สามารถจอดบนดาดฟ้าเรือได้โดยไม่พลัดตกลงทะเล
แต่อีกหลายคนก็ลงความเห็นว่า ภาพชุดล่าสุดนี้บ่งบอกว่าจนถึงวันนี้จีนก็ยังไม่สามารถนำเครื่อง J-15 ลงจอดบนเรือบรรทุกเครื่องบินได้ โดยสายเคเบิลทั้ง 8 สายที่ผูกเครื่องบินเอาไว้ให้อยู่กับที่นั้นเป็นตัวบ่งชี้
หากปราศจากระบบจอดเครื่องบิน ก็ไม่อาจนำเครื่องลงไปไว้บนเรือได้ไม่ว่าจะบนชั้นดาดฟ้า หรือในชั้นจัดเก็บ ซึ่งหมายความว่าจะยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเรือบรรทุกเครื่องบินได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ภาพใหม่นี้สอดคล้องกับข่าวเล่าลือเมื่อตอนต้นปี ที่ระบุว่า จีนกำลังพัฒนาระบบเบรกเคเบิ้ลของตัวเอง และอยู่ระหว่างทดสอบ ทั้งนี้จีนไม่ได้ออกมารับหรือปฏิเสธรายงานข่าวเหล่านี้
จีน กล่าวว่า เรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้จัดสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อการทดลองและวิจัยเท่านั้น จีนได้นำออกทดสอบแล่นในทะเลมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ขณะที่เรือบรรทุกเครื่องบินที่จะนำเข้าประจำการในกองทัพนั้น จะสร้างขึ้นใหม่จำนวน 2 ลำ โดยออกแบบและใช้เทคโนโลยีของจีนเอง
ในเดือน เม.ย.2011 หนังสือพิมพ์อาซาฮีชิมบุง กับสถานีโทรทัศน์ญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่งรายงานว่า จีนกำลังพัฒนาและทดลองเครื่องบินขับไล่แบบ J-18 ที่ขึ้นลงบนทางวิ่งสั้นๆ ได้ กับอีกรุ่นหนึ่งที่ขึ้นลงแนวดิ่งได้ การทดลองดังกล่าวกระทำในพื้นที่ลับแห่งหนึ่งของเขตมองโกเลียในทางตอนเหนือของประเทศ แต่หน่วยงานกระทรวงกลาโหมของจีนออกแถลงปฏิเสธ โดยระบุว่า เรื่องนี้เป็นเพียงการคาดเดาของสื่อญี่ปุ่น และไม่มีข้อมูลใดๆ ที่จะเผยแพร่
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปี สำนักข่าวกลาโหมของจีนเองได้นำภาพเครื่องบิน J-18 ออกเผยแพร่ ทั้งยังนำเอาภาพเครื่องบินต้นแบบที่กำลังแล่นไปตามรันเวย์ที่สนามบินแห่งหนึ่งออกโชว์เป็นครั้งแรกด้วย ซึ่งช่วยยืนยันข่าวของสื่อในญี่ปุ่นก่อนหน้านั้น
เครื่องบินรบ J-18 กับเครื่องบินที่ขึ้นลงทางดิ่งเช่นเดียวกันกับ F-35 ของค่ายสหรัฐฯนั้น รัสเซียเองก็กำลังพัฒนาเครื่องบินรุ่นที่ทัดเทียมกันของตนเองเพื่อใช้เป็นเครื่องบินประจำการบนเรือคุซเน็ตซอฟในอนาคต
และถ้าหากจีนพัฒนา J-18 ได้สำเร็จ เครื่องบินรบ J-15 ที่เป็นปริศนาอยู่ในขณะนี้ ก็จะเป็นรุ่นที่ล้าหลังไป ไม่ต่างไปจาก Su-33 ของรัสเซียที่ต้นตำรับสุดหวงแหน
