เอเอฟพี - สื่อทางการเวียดนามรายงานว่า อัยการเวียดนามร้องศาลให้จำคุก 19- 20 ปี ต่ออดีตประธานรัฐวิสาหกิจอุตสากรรมต่อเรือ ที่เข้ารับการพิจารณาคดีในความผิดกระทำการฝ่าฝืนกฎระเบียบของรัฐ
กลุ่มอุตสาหกรรมต่อเรือของเวียดนาม หรือที่รู้จักในชื่อ วีนาชิน (Vinashin) เกือบล้มละลายด้วยหนี้สินจำนวนมากกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ ในเหตุอื้อฉาวที่สร้างความหวั่นเกรงให้แก่นักลงทุนว่า ความอื้อฉาวนี้จะขยายวงกว้างไปยังบริษัทอื่นๆ ของรัฐ ซึ่งล้วนเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจประเทศ
นายฟัมแท็งบี่ง (Pham Thanh Binh) อดีตประธานคณะกรรมการบริหาร และผู้อำนวยการใหญ่ของวินาชิน และผู้บริหารอีก 8 คน เข้ารับการพิจารณาคดีในนครหายฟ่อง เมืองท่าทางเหนือของประเทศ ตามข้อกล่าวหาว่า เจตนาละเมิดกฎระเบียบของรัฐด้านการจัดการทางเศรษฐกิจ
หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋รายงานบนเว็บไซต์ว่า อัยการได้ร้องต่อศาลให้นายบิ่ง รับโทษจำคุกนาน 19-20 ปี และจำเลยคนอื่นๆ ที่เหลือจะต้องถูกจำคุกตั้งแต่ 17-18 ปี จนถึง 3-4 ปี ตามความผิด ซึ่งคาดว่าศาลจะตัดสินพิพากษาในวันนี้ (30 มี.ค.)
คดีความนี้ นับเป็นแรงกดดันต่อนายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง ที่เป็นผู้แต่งตั้ง และมีความใกล้ชิดกับนายฟัมแท็งบิ่ง ซึ่งจากเหตุการณ์อื้อฉาวนี้ ทำให้ในปี 2553 มีสมาชิกรัฐสภารายหนึ่งเรียกร้องให้มีการลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจต่อตัวนายกรัฐมนตรี
กิจการของรัฐหลายแห่ง เป็นที่รับรู้กันว่า มีการจัดการที่ย่ำแย่ ควบคุม 2 ใน 3 ของเงินทุน และสินทรัพย์ในประเทศ และยังมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ก่อนที่บริษัทวีนาชินเกือบจะล้มละลายนั้น บริษัทวีนาชินถูกมองว่า เป็นรูปแบบใหม่ของรัฐวิสาหกิจที่จะนำความพยายามของประเทศก้าวไปสู่การแข่งขันในเวทีระดับโลก
ในปี 2551 บริษัทวีนาชินมีออเดอร์ที่ถูกจองไว้รวมกันเป็นมูลค่า 6,000 ล้านดอลลาร์ มีพนักงานราว 60,000 คน และมีอู่ต่อเรือ 28 แห่ง และกิจการเติบโตขึ้น 35% ต่อปี
ปัจจุบัน อดีตผู้บริหารบริษัทวีนาชินถูกกล่าวหาเกี่ยวกับการสูญเงินไปเป็นจำนวนมากกว่า 43 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่สูญหายไปกับโครงการพัฒนาเรือโดยสารความเร็วสูง และโครงการโรงไฟฟ้า 2 แห่ง
ในเดือน ธ.ค.2553 บริษัทวีนาชิน ผิดนัดผ่อนชำระเงินงวดแรกจำนวน 60 ล้านดอลลาร์ ที่กู้ธนาคารเครดิตสวิส รวมทั้งหมด 600 ล้านดอลลาร์ ในปี 2550 และรัฐบาลเวียดนามระบุว่า ไม่มีผู้นำทางการเมืองคนใดจะถูกลงโทษจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับบริษัทวีนาชิน และบริษัทอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างใหม่