ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ทางการกัมพูชา กล่าวว่า ปี 2554 ที่ผ่านมา ชาวกัมพูชามีรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีสูงขึ้นเป็น 909 ดอลลาร์ (28,179) ในขณะที่ผลผลิตมวลรวมประชาชาติขยายตัว 7% มูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 12,937 ล้านดอลลาร์ และ อัตราความยากจนลดลงเหลือประมาณ 26%
นางแมนซัมออน (Men Sam An) รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาฝ่ายกิจการสังคมและสตรี ระบุดังกล่าวในพิธีเปิดการประชุมประจำปีของกระทรวงสวัสดิการสังคม ทหารผ่านศึกและการฟื้นฟูเยาวชน ที่จัดขึ้นตอนเช้าวันพฤหัสบดีที่ 1 มี.ค.ศกนี้ ในกรุงพนมเปญ สำนักข่าวของรัฐบาลกล่าว
เศรษฐกิจกัมพูชาขึ้นต่อกับการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปซึ่งทำรายได้ให้แก่ประเทศมากที่สุด ถัดไปเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวกับการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์การเกษตร และรายได้เป็นเงินสกุลต่างประเทศจากโครงการลงทุนของต่างประเทศ
ตามตัวเลขของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ในปี 2533 จีดีพีของกัมพูชามีมูลค่ารวมประมาณ 11,300 ล้านดอลลาร์ และ รายได้ต่อหัวประชากรประมาณ 830 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 90 ของชาวกัมพูชาเกือบ 14 ล้านคนก็ยังประกอบอาชีพการเกษตร ซึ่งมีรายได้ต่ำกว่าวันละ 1 ดอลลาร์ และ ยังมีชีวิตอยู่ต่ำกว่าขีดแห่งความยากจนขององค์การสหประชาชาติ
.
.
ตามตัวเลขขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ไม่กี่ปีมานี้มีชาวเขมรนับแสนคนถูกขับไล่ออกจากที่ดินทำกิน และถิ่นที่อยู่อาศัยมานานนับชั่วคน ซึ่งตกไปอยู่ใต้สัมปทานของนักลงทุนเพื่อการพัฒนาด้านต่างๆ ในนั้นมีนับหมื่นคนที่กลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย เนื่องจากไม่ได้รับค่าชดเชย
เดือน ก.พ.2548 บริษัทร่วมทุนที่นำโดยเชฟรอนคอร์ป (Chevron Corp) แห่งสหรัฐฯ ได้ประกาศการพบน้ำมันดิบในแปลงสำรวจอ่าวไทยนอกชายฝั่งเมืองสีหนุวิลล์ และรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ได้ขีดเส้นให้นำน้ำมันขึ้นมาใช้หยดแรกในปลายปี 2555 นี้
แต่เจ้าหน้าที่ขององค์การปิโตรเลียมแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ในเดือน ก.พ.ปีนี้ว่ากลุ่มผู้ลงทุนยังไม่สามารถผลิตน้ำมันได้ในปีนี้ และกำลังศึกษาความคุ้มของการลงทุนในการนำน้ำมันขึ้นมาใช้ประโยชน์
ในขณะที่กัมพูชากำลังจะเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายล่าสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลายฝ่ายได้แสดงความวิตกว่า ประเทศนี้อาจจะ “ต้องคำสาปน้ำมัน” (Oil Curse) รายได้จะตกไม่ถึงมือประชาชนจากการคอร์รัปชันที่แผ่ลามในหมู่ผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูง