ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ทางการลาวกำลังจะย้ายเทศบาลอำเภอที่อยู่ห่างไกลแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศออกไปจากจุดเดิมกว่า 30 กม.และจัดสร้างอาคารสำนักงาน ระบบสาธารณูปโภคใหม่ทั้งหมด รวมทั้งบ้านเรือนที่อาศัยของประชาชน อันเป็นผลกระทบจากการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าเซกอง 4 โดยบริษัทจากรัสเซียเป็นผู้ลงทุน
เทศบาลเมือง (อำเภอ) กะลึม แขวงเซกองจะย้ายออกไปยังที่ตั้งแห่งใหม่ห่างจากจุดเดิม 31 กม.กำลังจะมีการสร้างสำนักงานขึ้นใหม่สำหรับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ และสร้างที่อยู่อาศัยให้ประชาชนใหม่ทั้งหมด
นอกจากนั้น จะมีการสร้างระบบประปา ไฟฟ้า ระบบไฟส่องทางทั่วเทศบาล จัดที่ทำกินและสถานประกอบอาชีพให้แก่ประชาชน เก็บกู้วัตถุระเบิดที่ตกค้างมาแต่ครั้งสงคราม จัดสร้างถนนจากเทศบาลแขวง (จังหวัด) ไปเชื่อมกับเทศบาลเมืองใหม่ จัดระบบดูแลสภาพแวดล้อม และจ่ายค่าชดเชยให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
เมืองกะลึมอยู่ห่างจากเมืองเซกองซึ่งเป็นเมืองเอกของแขวง 74 กม. พื้นที่ 95% เป็นป่าเขา และเป็นหนึ่งในบรรดา 47 ตัวเมืองทั่วประเทศ ที่ประชาชนยังยากจนที่สุด หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ใหม่ของทางการนครเวียงจันทน์รายงาน
พิธีเซ็นสัญญาก่อสร้างโยกย้ายและจัดสรรเขตเทศบาลใหม่เมืองกะลึม มีขึ้นที่โรงแรมลาวพลาซ่าวันที่ 16 ม.ค.2554 โดย พันเอก คำเผย บุดดาเวียง เจ้าแขวงเซกองเป็นตัวแทนฝ่ายรัฐบาล กับนายพอนสัก วิไลสัก ประธานกลุ่มบริษัท พอนสัก จำกัด ซึ่งเป็นผู้ก่อสร้างและดำเนินการทั้งหมด เป็นมูลค่า 116 ล้านดอลลาร์ ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี หนังสือพิมพ์ “ประชาชน” กล่าว
.
.
เขื่อนเซกอง 4 มีกำลังปั่นไฟ 300 เมกะวัตต์ มูลค่าก่อสร้างประมาณ 600 ล้านดอลลาร์ ถือหุ้นใหญ่ 80% โดยบริษัท รีเจียนออยล์ (Region Oil) จากรัสเซีย หุ้นส่วนที่เหลือถือโดยรัฐวิสาหกิจถือหุ้นของรัฐบาล แต่เดิมมีกำหนดเริ่มปั่นไปในปี 2556 การก่อสร้างจะทำให้เกิดอ่างเก็บน้ำเป็นพื้นที่กว่า 170 ตารางกิโลเมตร
ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโครงการเซกอง 4 จะส่งจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตของไทย และ บริษัทไฟฟ้าเวียดนาม และ สื่อของทางการรายงานก่อนหน้านี้ว่าจะต้องอพยพโยกย้ายราษฎรออกจากพื้นที่กว่า 3,800 คน
ตามรายงานของสำนักข่าวทางการก่อนหน้านี้ ในแขวงเซกองเพียงแห่งเดียวกำลังจะมีการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้า 8-10 แห่ง ซึ่งนักอนุรักษ์ฯ กล่าวว่า ทั้งหมดกำลังจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนลาวและกัมพูชาที่อยู่ใต้ลงไปอย่างกว้างขวาง.