ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- การประกวดสาวงามเวทีหนึ่ง ซึ่งจัดขึ้นก่อนสิ้นปีในนครโฮจิมินห์ กลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ เมื่อสาวงามผู้เข้าร่วมการประกวดจำนวนหนึ่งออกเปิดโปง พวกเธอถูกนำไปป้อนเหล้าเสี่ยพุงพลุ้ย อายุคราวลุง ในงานเลี้ยงของเหล่าบุรุษ ที่ไม่มีในกำหนดการประกวด ขณะที่ผู้รับผิดชอบออกปฏิเสธเสียงแข็ง ไม่มีการบังคับให้สาวงามกระทำการดังกล่าว
การออกเปิดโปงมีขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังมีการตัดสินมอบมงกุฎให้สาวงามคนหนึ่งเป็น “ราชินีแห่งอัญมณี” (Jewelry Queen Pageant 2011) คืนวันที่ 30 ธ.ค.ในการประกวดรอบสุดท้ายที่โรงแรมเร็กซ์ อันเก่าแก่แห่งโฮจิมินห์ ซึ่งสื่อออนไลน์รายงานตรงกันว่า “ค้านสายตา ขัดความรู้สึก” ของผู้ชมอย่างยิ่ง
หนังสือพิมพ์ออนไลน์เดิ๊ตเหวียด (Báo Đất Việt) รายงานอ้างการเปิดเผยของคนวงในเช่นกัน ว่า “ผู้ร่ำรวย” บางคนเสนอเงินก้อนใหญ่ “ซื้อมงกุฎ” ให้สาวงามบางคน แลกกับ “ผลประโยชน์ส่วนตัว” ขณะที่ผู้อ่านได้แสดงความเห็นผ่านเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ออนไลน์ฉบับนี้ เรียกร้องให้ทางการเข้าตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็นความอื้อฉาวที่ทำให้เสื่อมเสียภาพพจน์ทางสังคม
เจิ่นถิฮวา (Trần Thị Hoa) สาวงามผู้เข้าประกวดคนหนึ่งบอกกับผู้สื่อข่าวของ “เดิ๊ตเหวียด” ว่า วันที่ 27 ธ.ค.เธอกับผู้เข้าประกวดอีกหลายคนถูกเจ้าหน้าที่กองประกวดนำไปยังภัตตาคาร “โคบ” (Cobe) ในอำเภอที่ 3 นครโฮจิมินห์ ที่นั่นมีการสอนวิธีเสิร์ฟไวน์กับสุรา ตลอดจนมารยาทบนโต๊ะอาหาร ก่อนจะถูกนำไปเมกอัพ และให้สวมชุดสวยสำหรับงานเลี้ยง เดิ๊ตเหวียดรายงานเรื่องนี้ในวันพุธ 4 ม.ค.
“เขาบอกให้พวกหนูเดินเข้าไปหาผู้ชายในงานเลี้ยง และพูดว่า -สวัสดีค่ะท่าน กรุณาดื่มกับหนูเพื่อเป็นเกียรติจะได้มั้ยค่ะ-- จากนั้นพวกหนูจะต้องชูแก้วขึ้น และดื่มเป็นเพื่อนกับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน” สาวสวยกล่าว
“แขกในงานเลี้ยงเป็นชายทั้งหมด หลายคนอายุมากกว่าคุณพ่อของหนูเสียอีก หนูบังเอิญรู้จักกับบางคนในห้องจัดเลี้ยง ท่านเหล่านั้นแสดงสีหน้าแปลกใจเมื่อพบหนูที่นั่น เพราะทราบดีว่าหนูไม่ใช่พนักงานเสิร์ฟ หนูรู้สึกอับอาย และรู้สึกตกต่ำมากค่ะ” ฮวา ปาดน้ำตา ก่อนจะพูดต่อว่าเธอทราบจากคนรู้จักในนั้นว่า ซื้อบัตรราคา 200 ดอลลาร์
สาวสวยคนเดียวกันกล่าวอีกว่า เธอกับผู้เข้าประกวดฝึกซ้อมกันเหน็ดเหนื่อยทั้งวัน ไม่มีเวลาพัก และถูกต้อนให้ไปเสิร์ฟเหล้าอีก ทำให้เพื่อนๆ หลายคนเป็นลม ไปต่อหน้า
“พวกที่เป็นลมจะถูกนำตัวออกไป ให้ดมยา และปลุกให้ลุกขึ้นมาเสิร์ฟต่อ แต่พอเป็นลมหลายๆ คนเข้า เจ้าหน้าที่กองประกวดจึงพาไปทานข้าว พวกหนูพอมีแรงขึ้นมาบ้าง แล้วเขาก็ให้ไปทำงานต่อ”
.
2
ฮวา กล่าวว่า ถ้าหากรู้ว่าจะต้องไปทำงานแบบนี้ เธอจะไม่เซ็นชื่อเข้าประกวดเวทีนี้แน่นอน
กาวถายห่า (Cao Thái Hà) จากนครเกิ่นเทอ (Cần Thơ) ที่ได้รับรางวัล “สาวงามที่ใส่อัญมณีสวยที่สุด” จากเวทีเดียวกัน เป็นอีกคนหนึ่งที่ยอมเปิดเผยกับ “เดิ๊ตเหวียด” ว่า วันนั้นเธอไม่สามารถทนกับการถูกบังคับให้เสิร์ฟอีกต่อไป จึงโทรศัพท์ให้คุณพ่อคุณแม่ไปรับ แต่พนักงานไม่ยินยอมให้กลับบ้านโดยอ้างว่าเป็นสัญญา
สาวสวยกล่าวอีกว่า เมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องเผชิญหน้ากับพนักงานกองประกวดโดยลำพัง เธอจึงได้โทร.หาผู้จัดการส่วนตัว ให้ไป “เคลียร์” แต่ได้แจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า ยึดบัตรประจำตัวประชาชนกับหลักฐานต่างๆ เอาไว้หมดแล้ว และจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย หากเธอ “หนีงาน”
แต่เจ้าหน้าที่กองประกวดผู้หนึ่งให้สัมภาษณ์ “เดิ๊ตเหวียด” ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องเกิดขึ้น เช่นที่สาวๆ กล่าวหาอย่างเด็ดขาด..
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม คืนวันที่ 30 ธ.ค.คณะกรรมการได้ตัดสินให้ เจิ่นถิแทงจึ๊ก (Trần Thị Thanh Trúc) เป็นเจ้าของมงกุฎประจำปี 2554 ซึ่ง “สร้างความแปลกใจให้ผู้ชม” ที่เวทีกลางแจ้งด้านหน้าโรงแรมเร็กซ์
สาววัย 19 ปี จาก จ.อานซยาง (An Giang) ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง สูง 170 ซม.น้ำหนัก 51 กก.ส่วนสัด 82-60-90 สวยแบบไม่มีผู้ใดข้องใจ แต่เธอยังอาจไม่ใช่ผู้เหมาะกับตำแหน่งที่สุด ในสายตาของผู้ชม
กรรมการคัดเลือกสาวงามเหลือ 10 คน ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะคัด 5 เพื่อตอบคำถามในรอบสุดท้าย ด้วยคำถามเดียวกัน คือ “ถ้าคุณเป็นเจ้าของมงกุฎราชินีแห่งอัญมณี คุณจะบอกอะไรกับผู้คนทั่วไปเกี่ยวกับงานศิลปะและอัญมณีเวียดนาม”
สื่อออนไลน์ กล่าวว่า สาวงามส่วนใหญ่ตอบคำถามไม่ตรงประเด็น หรือตอบคนละเนื้อหา บางคนพูดถึงเวียดนามที่ร่ำรวยด้วยสินแร่ มีอุตสาหกรรมเหมืองที่ใหญ่โต บางคนคิดอยู่นานก่อนจะตอบด้วยเรื่องทั่วๆ ไป บางคนใช้เวลาพูดนอกเรื่องก่อนจะขอบคุณคณะกรรมการอย่างยาวยืด.. ยกเว้นเพียงคนเดียว ซึ่งตอบตรงประเด็นที่สุด
.
3
กาวถายห่า (Cao Thái Hà) ตอบคำถามอย่างซื่อๆ และ ตรงไปตรงมาว่า “ถ้าหนูชนะได้ครองมงกุฎราชินีแห่งอัญมณี 2554 หนูจะใช้โอกาสนี้เข้าร่วมการส่งเสริมอุตสาหกรรมศิลปะและอัญมณีของเวียดนามในงานต่างๆ ไปทั่วโลก หนูจะบอกกับผู้คนว่าประเทศของหนู มีอุตสาหกรรมนี้ถึงระดับหมู่บ้านและมีการพัฒนามาต่อเนื่องยาวนานจนถึงปัจจุบัน เวียดนามมีช่างศิลป์ที่มีความสามารถจำนวนมาก ผลิตอัญมณีอันแวววาว และมีมนต์เสน่ห์ออกมาทุกวัน เพื่อประดับประดาประชาชนเวียดนามที่แสนสวยงาม...”
สาวสวยจบคำตอบสั้นๆ ของเธอ โดยผู้ชมระเบิดเสียงปรบมือกระหึ่มก้อง ได้ยินออกไปถึงถนนสายหลักที่ตัดผ่านไปยังบริเวณโรงแรมเร็กซ์ (Rex Hotel) กับศาลาว่าการของนครโฮจิมินห์ “เดิ๊ตเหวียด” กล่าว
แทงจึ๊ก ให้สัมภาษณ์สื่อออนไลน์อีกสำนักหนึ่งในวันพุธปฏิเสธการตั้งข้อสังเกตของบางฝ่ายที่ว่า เธอทุ่มเงิน หรือทุ่มกายซื้อตำแหน่ง โดยระบุว่า เธอกำพร้าพ่อมาหลายปีแล้ว และคุณแม่ก็เพิ่งเสียไปอีก ในขณะที่เธอประกวดอยู่ในนครโฮจิมินห์ คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกโดยลำพัง 2 คน ไม่มีเงิินเก็บพอที่จะซื้ออะไรได้ และเธอก็จะไม่ยอมขายอะไรเพื่อให้ได้ตำแหน่งอะไรนี้อีกด้วย
สาวสวยกล่าวอีกว่า เธอเข้าใจดีต่อความรู้สึกของผู้คนทีี่ต่างก็มี “สาวงามในใจ” ของตัวเอง แต่เธอเชื่อว่าคณะกรรมการที่ทำงานหนักและอย่างเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งปี จนถึงการประกวดรอบสุดท้าย คงจะพิจารณาอย่างรอบคอบและเหมาะสมที่สุดแล้ว ก่อนจะมอบตำแหน่งให้กับเธอ
“ราชินีแห่งอัญมณี 2011” ได้รับรางวัลเงินสด 100 ล้านด่ง (25,000 ด่ง/ดอลลาร์) กับรางวัลอื่นๆ อีกจำนวนมาก และ 70 ล้านด่งสำหรับรองอันดับ 1 กับ 50 ล้านด่ง สำหรับรองอันดับ 2 ส่วนถายห่า "เจ้าของมงกุฎที่แท้จริง" ในสายตาของผู้ชม ได้เพียงรางวัล “สาวงามสวมใส่อัญมณีสวยที่สุด” บนเวทีนี้ เงินรางวัล 30 ล้านด่ง
ทั้งหมดผ่านไปพร้อมกับปีเก่า แต่ผ่านไปแบบค้านสายตาและความรู้สึก ท่ามกลางความงุนงงสงสัยกับความคับข้องใจข้ามปี ของผู้ชมที่อยู่ในเหตุการณ์ “เดิ๊ตเหวียด” กล่าว.
4
5