xs
xsm
sm
md
lg

สังคมสลดใจ พ่อแม่ยากไร้ปล่อยลูกสาวเป็นอสูรกายอุทัยเทวี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#000033>จากสาววัยรุ่นหน้าตาดีมากคนหนึ่ง โชคชะตาเล่นงานทำให้สาวน้อยกลายสภาพเป็นอสูรกาย ผิวหนังตะปุ่มตะป่ำไม่ต่างกับคางคก ความยากจนทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องกล้ำกลืนอดทนดูลูกสาวเพียงคนเดียวเป็นไปตามยถากรรม.-- VietnamExpress. </b>

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- จากสาวรุ่นที่มีหน้าตาสะสวยร่าเริง และผิวขาวกระจ่่างใจ แถ็กถิซาหลี (Thạch Thị Sa Lý) กลายเป็นอีกคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิง หลังป่วยเป็นโรคที่แทบจะไม่มีผู้ใดรู้จัก และ เธอใช้เวลา 20 ปีที่ผ่านมาโดยตัดขาดตัวเองจากสังคม

เติบโตเป็นสาว ก็เริ่มเกิดมีปุ่มงอกขึ้นตามใบหน้าจนลามไปทั่วร่างกาย จากหูดเม็ดเล็กๆ ปัจจุบันมีมากกว่า 1,000 ก้อน ก้อนที่งอกขึ้นมาแรกๆ ตอนนี้มีขนาดใหญ่เท่าผลส้ม หรือมะนาวลูกโตๆ ผิวกายของเธอที่ยังเหลืออยู่ดำเมื่อมสลับรอยด่าง ภาพที่แพร่ผ่านหนังสือพิมพ์รายวัน ได้ทำให้สังคมเกิดทุกขเวทนา

ซาหลีเกิดในครอบครัวชาวนา จ.ซ็อกจาง (Soc Trang) ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงที่เคยเป็นสมรภูมิร้อนระอุในช่วงสงครามกับสหรัฐฯ

ปัจจุบันสาววัย 34 ปี ไม่สามารถมองเห็นได้ เนื่องจากหูดเม็ดเล็กและเม็ดใหญ่ปิดบังนัยน์ตาจนมิด ทำได้เพียงโบกมือไปมาเพื่อต้อนรับผู้ไปเยี่ยมเยือน หรือเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอพึงพอใจต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะข่มความรู้สึกเจ็บปวดจากเนื้องอกทั่วกายร่างกาย นางแถ็กซาพาย (Thạch Sa Phay) มารดาวัย 63 ปีกล่าว

ซาหลีเกิดปี 2522 ทุกอย่างเป็นปกติ และสุขภาพดี แต่เมื่ออายุ 1 ขวบก็เริ่มปรากฏเป็นตุ่มสีดำขึ้นตามแขนขา แต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น นางซาพาย กล่าวว่า บุตรสาวเติบโตเป็นสาววัยรุ่นที่หน้าตาดีและสวยที่สุดคนหนึ่งในคอมมูนเลยทีเดียว เพื่อนบ้านก็พูดกันเช่นนั้น จนกระทั่งอายุ 10 ปี ตุ่มเล็กๆ สีดำเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง โตขึ้นอย่างรวดเร็วและลุกลามไปทั่ว กลายเป็นก้อนหูดที่ดูน่ารังเกียจสำหรับผู้พบเห็น

นายดังวันแอ๊บ (Đặng Văn Ep) ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ซ็อกจางเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ กองทัพสหรัฐเคยโปรย “ฝนเหลือง” ลงในช่วงสงคราม และ ซาหลีอาจจะได้รับสารพิษตกทอดมา

ผู้ใหญ่บ้านคนนี้หมายถึงสารเคมีสีส้มที่เรียกว่า “เอเจนท์ออเร้นจ์” (Agent Orange) ซึ่งฝ่ายสหรัฐฯ โปรยลงจากเครื่องบินเพื่อทำลายต้นไม้และทำให้ใบร่วง เพื่อมิให้ฝ่ายกองโจรเวียดกงกับฝ่ายเวียดนามเหนือใช้ป่าเป็นแหล่งหลบซ่อน


.
นางซาพาย กล่าวว่า เมื่อ 20 ปีก่อน เธอกับสามีตั้งใจจะนำลูกสาวไปรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัด แต่ก็มีเงินไม่พอแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

บิดาผู้เป็นเสาหลักมีรายได้เพียงวันละ 1-2 ดอลลาร์จากการหาปลาและงมหอยส่งขายตลาดท้องถิ่น เลี้ยงดูลูกๆ ถึง 7 คน จึงต้องปล่อยให้บุตรสาวเป็นไปตามบุญตามยถากรรมตลอด 20 ปีที่ผ่านมา แต่ก็เป็นความเจ็บปวดอย่างสุดจะกล้ำกลืนที่ต้องทนดูสาวน้อยวัยใส ค่อยๆ กลายสภาพเป็นไม่ต่างกับคางคกที่ผิวหนังตะปุ่มตะป่ำ

อย่างไรก็ตาม เมื่อ 5 ปีที่แล้วครอบครัวนี้ได้นำลูกสาวไปยังโรงพยาบาล จ.ซ็อกจาง ในที่สุด แต่หมอที่นั่นก็ไม่สามารถจะตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุของอาการที่แปลกประหลาดนี้ได้ และแนะนำให้ไปยังโรงพยาบาลใหญ่ในนครโฮจิมินห์ ซึ่งหมายถึงจะต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลที่ไม่อาจจะเป็นไปได้

นางซาพาย กล่าวว่า เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงซาหลีจะเจ็บปวดมาก แต่บุตรสาวไม่เคยร้องแสดงอาการให้เพื่อนบ้านได้ยิน เธอกล้ำกลืนความเจ็บปวดเอาไว้อย่างทรหด

“ตอนยังเล็กๆ เธอน่ารักมาก และเป็นลูกที่แข็งแรงที่สุดในบรรดา 7 คน” นางซาพาย กล่าวพร้อมกับปาดน้ำตา ขณะเช็ดเหงื่อจากบริเวณใบห้าจะปุ่มตะป่ำของลูกสาว

นางลามตามเฮียน (Lam Tam Hien) เพื่อนบ้านกล่าวว่า เมื่อตอนยังเยาว์วัย ซาหลีเป็นเด็กสาวที่หน้าตาดูดีมากคนหนึ่ง เธอยังขยันขันแข็งหารายได้ช่วยครอบครัวโดยไปรับจ้างเก็บผลไม้ตามสวนต่างๆ

ผู้สื่อข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรส ที่ไปเยี่ยมเยือนครอบครัวนี้ในสัปดาห์ต้นเดือน ธ.ค.ได้ถามซาหลี ว่า ขณะนี้เธออยากจะได้อะไรมากที่สุด ซึ่งคำตอบก็คือ อยากจะหายเป็นปกติเพื่อจะได้ช่วยคุณพ่อคุณแม่หารายได้ และช่วยหาเลี้ยงครอบครัวต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น