เอเอฟพี - ประธานาธิบดีของพม่า ย้ำสถานะกองทัพของประเทศ วันนี้ (4 ม.ค.) ให้ความไว้วางใจต่อกองทัพ และอดีตนายทหารที่ปกครองประเทศต่อท่าทีในการปฏิรูปทางการเมืองที่ผ่านมา
ประธานาธิบดี เต็งเส่ง ได้แสดงความคิดเห็นต่อกองทัพทหารพม่า หรือ ตั๊ตมาดอ ที่คืนการควบคุมประเทศหลังการเลือกตั้งสิ้นสุดลง เนื่องในวันชาติพม่า (4 ม.ค.)
“ตั๊ตมาดอเข้าควบคุมประเทศโดยตรง เพื่อสร้างสันติภาพ ความทันสมัย และพัฒนาประเทศไปสู่ประชาธิปไตย” คำแถลงของประธานาธิบดี เต็งเส่ง ที่อ่านโดยรองประธานาธิบดี สายหมอกคำ เพื่อรำลึกถึงวันที่พม่าได้รับอิสรภาพจากอังกฤษ ซึ่งยังระบุด้วยว่ากองทัพดำเนินมาตรการไปทีละขั้นเพื่อร่างรัฐธรรมนูญ และนำไปสู่ขั้นตอนการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบหลายพรรค
การรำลึกวันครบรอบปีของการได้รับอิสรภาพของพม่า ในปี 2491 ตามประเพณีเดิมของบรรดานายทหารชั้นปกครองมีขึ้นเพื่อเตือนถึงอันตรายที่เกิดขึ้นจากชาติอื่นๆ และเพื่อต่อต้านความชั่วร้ายของลัทธิล่าอาณานิคม โดยมีพลเอกอาวุโส ตานฉ่วย จะเป็นผู้นำในพิธี
ผู้นำคนใหม่ของพม่าได้ให้เกียรติกองทัพสำหรับการรวบรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียว แม้ว่าสงครามกลางเมืองระหว่างกองทัพ และกบฏติดอาวุธชนกลุ่มน้อยจะสร้างความเดือดร้อนอยู่หลายทศวรรษ และประธานาธิบดี เต็งเส่ง ยืนยันว่า กองทัพยังคงเป็นเสาหลักสำคัญของประเทศ
“ตั๊ตมาดอมีความจำเป็นต่อการป้องกันประเทศ” ส่วนหนึ่งของข้อความในแถลงที่ถ่ายทอดไปยังผู้คนราว 3,000 คน ที่ประกอบด้วยรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งรวมตัวอยู่ในกรุงเนปีดอ
นอกจากนั้น ประธานาธิบดี เต็งเส่ง ยังได้กล่าวโทษเหตุการณ์จลาจลของนักศึกษาที่เกิดขึ้นปี 2531 ว่า ทำให้ประเทศเสียหาย ซึ่งเป็นปีที่ทำให้นางอองซาน ซูจี ออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนประขาธิปไตย แต่กลับไม่กล่าวถึงความตกต่ำทางเศรษฐกิจของประเทศภายใต้การปกครองของนายพลเนวินในช่วงทศวรรษก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การนำของประธานาธิบดี เต็งเส่ง แสดงให้เห็นว่า พม่าดำเนินการปฏิรูปหลายประการ ที่รวมถึงการเจรจาหารือกับนางซูจี การระงับโครงการสร้างเขื่อนที่จีนให้การสนับสนุน และการเข้าถึงประชาคมระหว่างประเทศ
“พม่ากำลังก้าวเดินไปสู่ความทันสมัย พัฒนาประเทศด้วยความร่วมมือจากทรัพยากรมนุษย์ที่แข็งแกร่งเช่นปัญญาชน” ส่วนหนึ่งของแถลงระบุ
หนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนมาร์ ได้ตีพิมพ์คำแถลงทั้งหมดลงในหนังสือพิมพ์ และยังได้ตีพิมพ์ความคิดเห็นที่ยืนยันว่าผู้นำคนใหม่จะไม่หันหลังให้กับการปฏิรูปที่นำไปสู่ระบอบประชาธิปไตย.