แถ่งเนียน - รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมของเวียดนาม กล่าวกับสื่อเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า กระทรวงจะพิจารณาให้บริษัทที่ดูแลเขื่อนผลิตไฟฟ้าจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปล่อยน้ำจนทำให้พื้นที่หลังเขื่อนต้องจมอยู่ใต้น้ำ
เมื่อไม่นานที่ผ่านมา เขื่อนผลิตไฟฟ้าหลายแห่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นต้นเหตุของเหตุน้ำท่วมรุนแรงในภาคกลางและสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน
นายเหวียน มิง กวาง รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติกล่าวว่า กระทรวงจะพิจารณาประเด็นเกี่ยวกับความรับผิดชอบของเอกชนและบริษัทที่ดูแลอ่างเก็บน้ำ ที่ปล่อยน้ำจนส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในกฎหมายทรัพยากรน้ำฉบับปรับปรุงใหม่
นายกว่าง ยอมรับว่า การก่อสร้างโครงการเขื่อนผลิตไฟฟ้าจำนวนมากในหลายปีก่อนทำให้การจัดการอ่างเก็บน้ำและการปล่อยน้ำเป็นไปอย่างยากลำบาก
“รัฐบาลควรระงับโครงการก่อสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าเพื่อทบทวนข้อดีข้อเสียของเขื่อนเหล่านั้น” สำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรส อ้างคำกล่าวนายกวาง ซึ่งกล่าวด้วยว่ากรมการจัดการทรัพยากรน้ำจะทบทวนและปรับกระบวนการดำเนินการอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศในอนาคต
เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ภาคกลางช่วงระหว่างวันที่ 4-9 พ.ย.รวมกับการปล่อยน้ำจากเขื่อนส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่กล่าวว่า เป็นการยากที่จะฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วมในขณะที่บริษัทที่ควบคุมเขื่อนยังคงปล่อยน้ำออกมาเป็นจำนวนมาก และว่าพื้นที่แถบนี้มักประสบกับเหตุน้ำท่วมอยู่เป็นประจำทุกปี
ใน จ.เถื่อเทียนเหว อ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง ของเขื่อนบี่งเดียนและเฮืองเซวียน ซึ่งเป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าใหญ่ที่สุดของจังหวัด เปิดประตูระบายน้ำตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย.และเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมจนบ้านเรือนประชาชนมากกว่า 4,000 หลัง ต้องจมอยู่ใต้น้ำ
นับตั้งแต่มีการปล่อยน้ำจากเขื่อน ระดับน้ำในแม่น้ำเฮืองและแม่น้ำโบในจังหวัดเพิ่มสูงจนถึงระดับเตือนภัย บ้านเรือนหลายพันหลังในพื้นที่ลุ่มต่ำจมอยู่ใต้น้ำ 0.5-1 เมตร
ถนนทุกสายในนครเหวจมอยู่ใต้น้ำ 0.5 เมตร การจราจรเป็นอัมพาต ทางการของจังหวัดรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 1 คน เป็นเด็กนักเรียนอายุ 14 ปี ที่ถูกกระแสน้ำพัดหายไปในหมู่บ้านเมื่อวันที่ 5 พ.ย.และวันที่ 6 พ.ย.เขื่อนซงแจ็ง-2 ในจ.กว๋างนาม ปล่อยน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำจนทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มใน 2 อำเภอ และถนนในอำเภอทั้ง 2 แห่งจมอยู่ใต้น้ำ ส่วนชุมชนที่อยู่บนภูเขาถูกตัดขาดจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนั้นบริษัทร่วมทุนเขื่อนไฟฟ้าบาฮาริเวอร์ ใน จ.ฝูเอียน ปล่อยน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำของแม่น้ำบาฮาและแม่น้ำฮีงซึ่งประชาชนในพื้นที่ต่างร้องเรียนว่าบริษัทดังกล่าวแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนปล่อยน้ำแค่ 2 ชม. ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่ำไม่มีเวลาพอที่จะเตรียมตัว ทำให้ทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก
เกษตรกรอายุ 46 ปี รายหนึ่ง กล่าวว่าผู้คนไม่สามารถเคลื่อนย้ายทรัพย์สินทั้งหมดไปยังที่ปลอดภัยได้ทันในเวลาเพียง 2 ชม.
นายซางวันต๋วน ผู้อำนวยการบริษัทร่วมทุนเขื่อนไฟฟ้าบาฮาริเวอร์อ้างกฎระเบียบของรัฐบาลว่า บริษัทที่ดูแลเขื่อนผลิตไฟฟ้าสามารถปล่อยน้ำจากอ่างเก็บน้ำโดยแจ้งเตือนล่วงหน้า 2 ชม.
แต่ระเบียบดังกล่าวระบุว่า หากทางการท้องถิ่นคิดว่าเวลาแจ้งเตือนล่วงหน้า 2 ชม.ไม่เพียงพอ พวกเขาสามารถส่งรายงานไปยังกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และกระทรวงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ และทางกระทรวงทั้งสองสามารถส่งคำร้องไปยังรัฐบาลให้ปรับเปลี่ยนกฎระเบียบได้
นายเลวันจุค รองประธานคณะกรรมการประชาชน จ.ฝูเอียน กล่าวว่า พวกเขาได้รายงานประเด็นดังกล่าวไปยังกระทรวงทั้งสองและกำลังรอคำตอบกลับ ขณะที่นายกวางกล่าวว่า คำร้องดังกล่าวนั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณา.