ASTVผู้จัดการออนไลน์ – สื่อเวียดนามจับตาไม่กะพริบ กองทัพไทยเซ็นซื้อระบบเรดาร์ สุดทันสมัยจากอิตาลี เพื่อเชื่อมประสานระบบป้องกันของกองทัพอากาศ และกองทัพเรือเข้าด้วยกัน ติดตั้งในภาคตะวันออก ซึ่งกลุ่มบริษัทผู้ผลิตประกาศเรื่องนี้ในคำแถลงฉบับหนึ่งที่ออกในวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา
บริษัท SELEX Sistemi Integrati บริษัทลูกของฟินเม็กกานิกา (Finmeccanica) แห่งอิตาลี ได้เซ็นสัญญาเพื่อจัดหาระบบเรดาร์โครนอส (KRONOS) สำหรับคุ้มกันเขตฝั่งทะเลตะวันออกกับตอนใต้ของเมืองหลวงกรุงเทพฯ ระบบเรดาร์ทันสมัยนี้จะบูรณาการระบบป้องกันของกองทัพอากาศกับราชนาวีไทยเข้าด้วย หนังสือพิมพ์ออนไลน์ “เดิ๊ตเหวียด” (Bao Dat Viet) รายงาน
ตามรายงานในเว็บไซต์ฟินเม็กกานิกา โครนอสเป็นระบบเรดาร์พิสัยปานกลางแบบสามมิติปฏิบัติการผ่านดาวเทียมมนระบบซี-แบนด์ (C- Band) นอกจากสามารถตรวจจับเป้าหมายได้ไกล 150 กิโลเมตร ล๊อกเป้าหมายที่บินระยะต่ำกว่า 7 เมตรได้ไกล 25 กม.สนับสนุนระบบจรวดป้องกันให้สามารถโจมตีเป้าหมายไดก้อย่างแม่นยำ
“ระบบเรดาร์นี้จะตรวจหาเป้าหมายในน่านฟ้าที่อาจจะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงปลอดภัยของไทย เช่น จรวดร่อนหรือยานบินไร้คนบังคับที่บินระยะต่ำ และสนับสนุนการป้องกันทางอากาศปฏิบัติการสำหรับเป้าหมายเดี่ยวๆ ทั้งในยามสันติและต่อต้านการโจมตีขนาดใหญ่ในสภาวะสงคราม” สื่อออนไลน์ภาษาเวียดนาม กล่าว
ระบบเรดาร์โครนอส สามารถสแกนได้ 360 องศา ตรวจจับเป้าหมายได้คราวละหลายเป้าหมายอย่างแม่นยำ ช่วยนำวิถีในการยิงจรวดหรือขีปนาวุธโจมตีทำลายเป้าหมายนั้นๆ และยังสามารถปฏิบัติการได้ต่อเนื่องและโดยอัตโนมัติ
กลุ่มฟินเม็กกานิกาเป็นบริษัทเทคโนโลยีอากาศยานและการอวกาศที่มีชื่อเสียง เป็นหุ้นส่วนในการผลิตเครื่องบินโดยสารซูคอยซูเปอร์เจ็ต (Sukhoi Superjet 100) ร่วมกับบริษัทซูคอยของรัสเซีย และ ยังเป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์นำร่อง ระบบบังคับและควบคุมในเครื่องบินรบให้แก่รัสเซียด้วย
บริษัท SELEX Sistemi Integrati ผลิตระบบเรดาร์ KRONOS ให้แก่กองทัพอากาศอิตาลี และจำหน่ายให้กับลูกค้าต่างประเทศแล้วกว่า 23 ระบบ เป็นระบบทันสมัยที่ใช้ควบคุมความปลอดภัยของน่านฟ้ากับน่านน้ำของกองทัพอากาศกับกองทัพเรือ มีขีดความสามารถในการตรวจจับถึงระดับอวกาศ
บริษัทนี้ยังเป็นผู้จัดหาระบบควบคุมการจราจรทางอากาศให้แก่ไทยมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1970 ระบบควบคุมการจราจรทางอากาศที่ใช้อยู่ในสนามบินต่างๆ ของไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ผลิตโดยกลุ่มบริษัมฟินเม็กกานิกา สื่อภาษาเวียดนาม กล่าว.
.