xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เชี่ยวชาญคาดราคาอาหารพุ่ง หลังอู่ข้าวจมน้ำถ้วนหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033>ชาวนาเวียดนามหอบรวงข้าวที่รีบเกี่ยวขึ้นจากนาก่อนไต้ฝุ่นเนสาดขึ้นฝั่ง เมื่อวันที่ 30 ก.ย. พายุที่พัดถล่มภูมิภาคติดต่อกัน ฝนที่ตกอย่างหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ปลูกข้าวสำคัญทั้งในไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม. --AFP PHOTO/Hoang Dinh Nam. </font></b>

เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เหตุน้ำท่วมหนักในปีนี้ ส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อพื้นที่อู่ข้าวอู่น้ำของภูมิภาคเอเชีย คาดว่า จะส่งผลให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น รวมทั้งกระทบต่อชีวิตบรรดาเกษตรกรที่ยากจน

นาข้าวประมาณ 9.375 ล้านไร่ ใน ไทย เวียดนาม กัมพูชา และ ลาว ได้รับความเสียหายหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยงถูกน้ำท่วมเสียหายในเหตุการณ์อุทกภัยครั้งเลวร้ายที่สุดในภูมิภาคในรอบหลายปี

ไทยที่เป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก มีประชาชนเสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมครั้งนี้แล้ว 237 คน พื้นที่ปลูกข้าวประมาณ 6 ล้านไร่ หรือ 10% ของพื้นที่ปลูกข้าวทั้งหมดได้รับความเสียหาย

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในลาวและกัมพูชา สร้างความเสียหายอย่างหนักในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า น้ำท่วมกำลังไหลไปยังพื้นที่ราบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงในเวียดนาม ที่เป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลก

“ทั้งภูมิภาคจะต้องประสบกับความยากลำบากจากราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากแหล่งอาหารสำคัญได้รับความเสียหาย ความเสียหายในปีนี้รุนแรงมากและคงต้องใช้เวลากว่าประชาชนจะสามารถกลับมาดำเนินชีวิตอย่างปกติได้” นางมาร์กาเร็ตต้า วาห์สตรอม หัวหน้าฝ่ายลดความเสียหายจากภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ กล่าว

เวียดนามในฐานะผู้ส่งออกข้าวอันดับสองของโลก และพื้นที่ราบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงในภาคใต้ของเวียดนามคิดเป็นครึ่งหนึ่งของผลผลิตของประเทศ

“ระดับน้ำในต้นน้ำเริ่มลดลง แต่ที่นี่ระดับน้ำยังเพิ่มสูงถึง 3-5 ซม.ในแต่ละวัน” นายเดื่อง เหงียะ ก๊วก ผู้อำนวยการกรมเกษตรกรรม จ.ด่งท้าป กล่าว
<br><FONT color=#000033>ภาพถ่ายจากสำนักข่าวเวียดนามนิวส์ เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ชาวนาเวียดนามหอบรวงข้าวที่เกี่ยวขึ้นมาจากใต้น้ำ  ในจ.เกียนซยาง อิทธิพลของพายุทำให้หลายพื้นที่ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะนาข้าวในบริเวณพื้นที่ราบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ที่เป็นแหล่งปลูกข้าวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของภูมิภาค. -- AFP PHOTO / VNA. </font></b>
จ.ด่งท้าป และ จ.อานซยาง ถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากน้ำท่วมในบริเวณพื้นที่ราบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง และสหประชาชาติรายงานอ้างแหล่งข่าวของรัฐบาลเวียดนามที่ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 11 คน บ้านเรือนมากกว่า 20,000 หลังจมอยู่ใต้น้ำ และพื้นที่ปลูกข้าวอีก 618,750 ไร่ เสี่ยงถูกน้ำท่วม

นายเวือง หู เตี่ยน เจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมพายุและน้ำท่วมใน จ.อานซยาง กล่าวว่า ผลผลิตทางการเกษตรได้รับผลกระทบอย่างหนักจากน้ำท่วมในปีนี้ ซึ่งนับว่าเลวร้ายกว่าที่คาดไว้ และว่าเจ้าหน้าที่ทหารหลายพันนายระดมกำลังช่วยเสริมเขื่อนกั้นน้ำและช่วยประชาชนอพยพไปยังที่ปลอดภัย

สำหรับกัมพูชา เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงเกษตรของกัมพูชา ระบุว่า นาข้าวมากกว่า 2,062,500 ไร่ จมอยู่ใต้น้ำ และมากกว่า 625,000 ไร่ เสียหายไปแล้ว และว่าจะเกิดความสูญเสียต่อผลผลิตข้าวส่วนเกินในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมากถึง 3 ล้านตัน

กัมพูชา มีประชาชนเสียชีวิตจากน้ำท่วมแล้ว 160 คน แม้กัมพูชาจะส่งออกข้าวเพียงเล็กน้อยจากผลผลิตข้าวทั้งหมดแต่คิดเป็น 7.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ขณะที่ลาว ที่เป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชีย ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยคราวนี้ไม่น้อยเช่นกัน พายุที่พัดถล่มลาวตั้งแต่เดือน มิ.ย.ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 23 คน และสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ปลูกข้าวมากกว่า 375,000 ไร่

นายโว ต่ง ซวน ผู้เชี่ยวชาญด้านข้าวของเวียดนาม กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้น้ำท่วมหนักในปีนี้คือ ฝนที่ตกหนักอย่างผิดปกติในไทย และลาว ซึ่งระบายผ่านแม่น้ำโขง

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ระบบเขื่อนกั้นน้ำที่ขยายเพิ่มขึ้นในพื้นที่ราบสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงเป็นอีกหนึ่งของปัญหาเช่นกัน เพราะเขื่อนกั้นน้ำเหล่านี้ขัดขวางระบบไหลเวียนของน้ำในบางพื้นที่ และทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งหนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์รายงานว่า จ.ด่งท้าป เพียงจังหวัดเดียว เสียผลผลิตข้าวไปเป็นมูลค่า 2.7 ล้านดอลลาร์
กำลังโหลดความคิดเห็น