xs
xsm
sm
md
lg

“เหวียนกาวกี่” ผู้นำยุคสิ้นชาติ ขอกลับไปฝังร่างในเวียดนาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#000033><bR><FONT color=#000033>พลตรีเหวียนกาวกี่ (Nguyễn Cao Kỳ) นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐเวียดนาม (รองเท้าขาว) เป็นผู้นำที่มีสีสันมากที่สุดคนหนึ่งตั้งแต่เป็นนักบินกองทัพอากาศจนถึงวันที่เป็นแม่ทัพฟ้าและเป็นผู้นำประเทศ ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี อดีตผู้นำถึงเมื่อวันเสาร์ 23 ก.ค.2554 ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ด้วยวัย 80 ปี สื่อของทางการเวียดรามรายงานว่า นายพลคนดังได้ขอให้นำร่างกลับไปฝังในเวียดนามบ้านเกิด หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐฯ มาตลอด.. หลังยุคสิ้นชาติ.-- Vietnam War Archive. </b>

โดย วุฒิพงษ์ หลักคำ-บุญญะสาร
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรองประธานาธิบดีแห่งเวียดนามใต้ในช่วงปีก่อนล่มสลาย มีความประสงค์ขอให้นำร่างของตนกลับไปฝังในแผ่นดินเกิด และ ครอบครัวกับทายาทจะดำเนินการให้เป็นไปตามความประสงค์นั้น หนังสือพิมพ์เตี่ยนฟอง (Báo Tiền Phong) รายงานเรื่องนี้

หนังสือพิมพ์ของทางการไม่ได้ให้รายละเอียดอื่นใดอีกเกี่ยวกับกำหนดการ ตลอดจนสถานที่ที่จะใช้ฝังศพอดีตผู้นำคนดัง และ ไม่ได้อ้างถึงแหลงที่มาของข้อมูลล่าสุดนี้

พลตรีเหวียนกาวกี่ (Nguyễn Cao Kỳ) หรือ “เหงียนเกากี” ตามที่ชาวไทยเรียกขานกันทั่วไป เคยให้สัมภาษณ์ในปี 2547 เมื่อกลับไปเวียดนามครั้งแรก แสดงความประสงค์อยากจะใช้ชีวิตบั้นปลายในดินแดนบ้านเกิด แต่แล้วก็ไม่ได้ใช้โอกาสนั้น อดีตผู้นำถึงแก่กรรมในวันที่ 23 ก.ค.2554 ในประเทศมาเลเซียด้วยวัย 80 ปี

ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี พล.ต.กี่ รักษาอาการล้มป่วยเกี่ยวกับทางเดินหายใจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ หลานคนหนึ่งเป็นผู้เปิดเผยเรื่องนี้ในสหรัฐฯ และยังไม่มีรายงานความคืบหน้าใดๆ อีกนับแต่นั้น

นายพลผู้อื้อฉาวเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศรัฐบาลเวียดนามใต้ มีชื่อเสียงในฐานะผู้นำกลุ่มทหาร “ยังเติร์ก” ที่มีความคิดก้าวหน้า และถูกผลักดันให้เข้าต้องเข้าสู่การเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้

ในเดือน พ.ย.2507 พลตรีกี่เข้าร่วมการรัฐประหารยึดอำนาจจากอดีตประธานาธิบดีโง-ดี่ง-ซเวียม (Ngô Đình Diệm) หรือ “โงดินห์เดียม” ที่เรียกกัน นำประเทศเข้าสู่ยุคปั่นป่วนที่สุด เวียดนามใต้ปกครองโดยคณะรัฐประหารยาวนานหลังจากนั้น และยังเป็นทศวรรษที่เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่น การฆาตกรรมทางการเมืองและการทรยศหักหลังในหมู่ผู้นำกองทัพ ขณะสงครามเวียดนามกำลังเข้มข้น

ระหว่างปี 2508-2510 พลตรีเป็นนายกรัฐมนตรีรัฐบาลที่สหรัฐฯ ให้การหนุนหลัง และต่อมาระหว่างปี 2510-2513 เป็นรองประธานาธิบดีในรัฐบาลประธานาธิบดีเหวียนวันเทียว (Nguyễn Văn Thiệu) หมายถึงการถูกลดทอนอำนาจลง

ในเดือน เม.ย.2518 เมื่อรัฐบาลใกล้ถึงกาลล่มสลาย ก่อนที่ฝ่ายเวียดนามเหนือกับกองกำลังเวียดกงจะยาตราเข้าบุกยึดกรุงไซ่ง่อนไม่กี่วัน พล.ต.กี่ ได้นำครอบครับหลบหนีและถูกนำไปยังเรือบรรทุกเครื่องบินบลูริดจ์ (USS Blue Ridge) ของกองทัพสหรัฐฯ

อดีตผู้นำที่อื้อฉาวไปปักหลักในแคลิฟอร์เนียเปิดกิจการร้านจำหน่ายสุรา ดำเนินชีวิตเงียบๆ และ หยุดกิจกรรมทางการเมืองทุกอย่างตั้งแต่นั้น

การเดินทางกลับเวียดนามครั้งแรกหลังลี้ภัยในต่างแดน 29 ปี เต็มไปด้วยความอื้อฉาว บรรดาสหายศึกเวียดนามใต้และอดีต และผู้สนับสนุนที่อาศัยทำกินในสหรัฐฯ ออกรุมกล่าวประณามฐานเป็นผู้ทรยศ หันไปคบกับฝ่ายคอมมิวนิสต์
.
<bR><FONT color=#000033>นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐเวียดนาม บนปกนิตยสารไทมส์.-- Vietnam War Archive. </b>
2
 <bR><FONT color=#000033>นายพลสองดาวร่วมอยู่ในการรัฐประหารเกือบทุกครั้ง และ มีกองทัพอากาศที่ทรงพลังเป็นเครื่องมือต้านความพยายามรัฐประหาร เคยนำเครื่องบินขับไล่ขึ้นบินเหนือกรุงไซ่ง่อนข่มขวัญกองกำลัง ฝ่ายกบฏ จนสลายตัวไปอย่างง่ายดาย เสืออากาศหนุ่มเคยนำ ฮ.ไปลงจอดกลางถนนหน้าบ้านหญิงคนรักกลางเมืองหลวง ถึงแก่กรรมวันที่ 23 ก.ค.2554 และประสงค์จะให้นำร่างกลับไปฝังในเวียดนามแผ่นดินแม่. .-- Vietnam War Archive. </b>
3
ระหว่างอยู่ในเวียดนาม พล.ต.กี่ ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก นายเหวียนมีงเจี๊ยต (Nguyễn Minh Triết) ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเลขาธิการพรรคสาขานครโฮจิมินห์และกลายเป็นข่าวใหญ่ หลังจากกลับไปยังแคลิฟอร์เนียอีกครั้งก็ได้ช่วยรัฐบาลคอมมิวนิสต์รณรงค์ส่งเสริมการลงทุน นำคณะนักลงทุนจากสหรัฐฯ กลับไปเวียดนามหลายครั้ง

เจ้าตัวกล่าวในครั้งนั้น ว่า สงครามที่ผ่านมาก่อขึ้นโดยต่างชาติ ทำให้ชาวเวียดนามพี่น้องกันต้องเข่นฆ่ากันเอง ทั้งๆ ที่ขณะอยู่ในสหรัฐฯ พล.ต.กี่ ได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลคอมมิวนิสต์มาตลอด เคยถูกปฏิเสธวีซ่ามีหลายครั้งเมื่อขอเดินทางกลับประเทศ

พล.ต.กี่ ยังกล่าวถึงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่ลี้ภัยในสหรัฐฯ ว่า คนพวกนั้นไม่ได้กระทำเพื่อผู้ใด มีแต่เพื่อตนเองทั้งสิ้น ขณะที่ทุกฝ่ายควรจะลืมอดีตและหันหน้ามาปรองดองกัน

“ในอีก 100 ปีข้างหน้าชาวเวียดนามจะหันกลับมองดูสงครามด้วยความเสียใจ เราไม่ควรจมออยู่กับอดีตสงครามเพราะจะไม่เป็นประโยชน์ต่ออนาคตของเวียดนาม ความห่วงใยของผมในขณะนี้ก็คือ ฐานะของเวียดนามในแผนที่โลก” สื่อของทางการอ้างคำพูดของ นายพลกี่ในปี 2547

แต่ถึงกระนั้น เมื่อข่าวเกี่ยวกับการถึงแก่กรรมแพร่ออกไปในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อของทางการหลายสำนักก็ยังเรียก นายพลผู้นี้เป็นเพียง “อดีตผู้นำรัฐบาลหุ่น”

เกิดปี พ.ศ.2470 ใน จ.เซินไต (Sơn Tây) ทางตะวันตกกรุงฮานอยเมื่อก่อน สมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพฝรั่งเศส ถูกส่งไปเรียนเป็นนักบินขับไล่ในฝรั่งเศสและประเทศมอรอกโก เมื่อเจ้าอาณานิคมพ่ายศึกที่เดียนเบียนฟูปี พ.ศ.2497 นายทหารหนุ่มได้ตัดสินใจลงใต้ และระหว่างรับราชการในกองทัพรัฐบาลใหม่ ได้ทุนจากสหรัฐฯ ไปศึกษาต่อวิชาการสงครามทางอากาศ

ในวัยหนุ่มใช้ชีวิตหรูหราแบบเพลย์บอย เคยเป็นนายแบบให้กับสินค้าแบรนด์เนม ชอบสวมเสื้อแจกเกตหนังสีดำของนักบิน พันผ้าพันคอสีม่วง สวมหมวกสีฟ้าเป็นเอกลักษณ์ มีชื่อเสียงในเรื่องการพนัน บุหรี่ สุราและนารี ครบสูตร
.
<bR><FONT color=#000033>ประธานาธิบดีลินดอน จอห์นสัน แห่งสหรัฐฯ พล.อ.วิลเลียม เวสต์มอร์แลนด์ ผู้บัญชาการกองทัพภาคพื้นแปซิปิก ประธานาธิบดีเหวียนวันเทียว และ รองประธานาธิบดีเหวียนกาวกี่ ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี พล.ต.กี่วัย 80 ปีถึงแก่กรรมวันที่ 23 ก.ค.2554 ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ขณะรักษาอาการป่วยเกี่ยวกับทางเดินหายใจ สื่อของทางการเวียดนามรายงานว่า อดีตผู้นำแห่งเวียดนามใต้ในยุคก่อนสิ้นชาติ ได้ขอให้นำร่างกลับไปฝังในแผ่นดินแม่.-- Vietnam War Archive. </b>
4
<bR><FONT color=#000033>พลตรีเหวียนกาวกี่ (Nguyễn Cao Kỳ) นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐเวียดนามกับ ดร.เฮนรี คิสซิงเจอร์ ทูตลิ้นทอง ในยุคสงครามเวียดนาม ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี อดีตผู้นำถึงเมื่อวันเสาร์ 23 ก.ค.2554 ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ด้วยวัย 80 ปี สื่อของทางการเวียดรามรายงานว่า นายพลคนดังซึ่งอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ได้ขอให้นำร่างของตนกลับไปฝังในเวียดนามบ้านเกิด. -- Vietnam War Archive. </b>
5

มีการบันทึกเอาไว้ว่า เสืออากาศหนุ่มเคยนำเฮลิคอปเตอร์บินขึ้นจากฐานทัพเตินเซินญุต (Tân Sơn Nhứt ) เมื่อก่อน (เตินเซินเญิ๊ต -Tân Sơn Nhất ในปัจจุบัน) ไปลงจอดกลางถนนในไซ่ง่อนที่หน้าบ้านของหญิงคนรักคนหนึ่ง เพื่อจะสร้างความประทับใจให้กับเธอและครอบครัว

แม้แต่ในยามที่เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศและเป็นผู้นำประเทศ นายพลคนดังก็ยังไม่ละทิ้งเรื่องเหล่านี้ ซึ่งทำให้สหรัฐฯ ที่อยู่เบื้องหลังมีความวิตกกังวล

ตามที่มีการบันทึกเอาไว้ นายทหารสหรัฐฯ ในกรุงไซ่ง่อนคนหนึ่งเคยเรียกพลตรีกี่เป็น “ขีปนาวุธไม่นำวิถี” (Unguided Missile) พร้อมจะพุ่งชนเป้าหมายทุกอย่าง ในทุกๆ เรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วงใยทางการเมือง

ตามประวัติอย่างเป็นทางการ พลตรีกี่แต่งงาน 3 ครั้ง มีลูก 6 คนกับหลานๆ อีก 14 ในนั้น 5 คนแรกเกิดกับภรรยาคนแรกซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสที่พบรักเมื่อครั้งไปเรียนเป็นนักบิน

หลังจากหย่ากันไม่นาน และเดินทางบ่อยๆ นายพลหนุ่มใหญ่แต่งงานครั้งที่ 2 กับแอร์โฮสเตส ดัง-ถิ-ตเวี๊ยต-มาย (Đặng thị Tuyết Mai) ซึ่งเป็นสาวสวยร่วมสมัยกับนางอีเมลดา มาร์กอส ในฟิลิปปินส์ และ เป็นภรรยาในช่วงที่มีอำนาจสูงสุด มีบุตรีด้วยกัน 1 คนคือ เหวียนกาวกี่ซเวียน (Nguyễn Cao Kỳ Duyên)

ในยุคใหม่ “คุณหนูซเวียน” กลายเป็นนักร้องและเป็นพิธีกรทางโทรทัศน์ที่มีชื่อเสียงในประชาคมชาวเวียดนามที่อาศัยทำกินในสหรัฐฯ

ปัจจุบันพลตรี กี่ อยู่กินกับภรรยาคนที่ 3 นางเลกิม “นิโคล” (Kim Nicole Le) ชาวเวียดนาม-อเมริกัน ไม่มีบุตรด้วยกัน

ในวันนี้ “ท่านผู้หญิง ตเวี๊ยตมาย” ในอดีต ยังอาศัยอยู่ในนครลอสแองเจลิสกับบุตรสาว แต่มีร้านเฝอ (ก๋วยเตี๋ยว) ในนครโฮจิมินห์ และ “คุณหนูซเวียน” มีคอฟฟี่ช้อปที่นครด่าหนัง ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรส.
หวลคืนวันเก่าๆ Vietnam War Archive
<bR><FONT color=#000033>ดัง-ถิ-ตเวี๊ยต-มาย (Đặng thị Tuyết Mai) แอร์โอสเตสสายการบินเวียดนามแอร์ ภริยาคนที่ 2 ท่านผู้หญิง ของอดีตผู้นำช่วงเรืองอำนาจในกรุงเก่าไซ่ง่อน แต่ได้หย่ากันหลายปีมาแล้ว. --Vietnam War Archive. </b>
6
 <bR><FONT color=#000033>นายกรัฐมนตรีแห่งเวียดนามใต้ พลตรีเหวียนกาวกี่กับ ท่านผู้หญิง  แต่งกายอย่างมีเอกลักษณ์และไปไหนมาไหนต้องมีทหารหน่วยรบพิเศษไม่ต่ำกว่า 60 คน ติดตาม รปภ. ในช่วงปีที่เวียดนามใต้ปั่นป่วนที่สุด ก่อนนำไปสู่ วันสิ้นชาติ.-- Vietnam War Archive. </b>
7
<bR><FONT color=#000033>ประชัน เฟิร์สเลดี้ -- ที่ 2 จากซ้ายมือ เลดี้เบิร์ด จอห์นสัน แห่งสหรัฐฯ มาดามเหวียนกาวกี่ (ตเวี๊ยตมาย) กับ มาดามเฟอร์ดินัน (อีเมลดา) มาร์กอส แห่งฟิลิปปินส์ กับสตรีที่ไม่ได้ระบุชื่ออีกคน ภาพนิตยสารไลฟ์ถ่ายในฟิลิปปินส์ พล.ต.เหวียนกาวกี่ กับภริยา เคยไปเยือนประเทศนี้อย่างเป็นทางการครั้งหนึ่งขณะเป็นนายกรัฐมนตรี.--Vietnam War Archive. </b>
8
<bR><FONT color=#000033>มาดามเหวียนกาวกี่ (Đặng thị Tuyết Mai) กับคุณหนูเหวียนกาวกี่ซเวียน (Nguyễn Cao Kỳ Duyên) บุตรสาวเพียงคนเดียวในภาพถ่ายเมื่อปี 2547 ปัจจุบันยังอาศัยอยู่ในลอสแอนเจลีส มารดามีร้านเฝอในนครโฮจิมินห์ บุตรีมีคอฟฟีช้อปที่ด่าหนัง. -- Vietnam War Archive. </b>
8
กำลังโหลดความคิดเห็น