เตื่อยแจ๋ - นายเลมีงเคือง (Lê Minh Khương) หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติเวียดนาม กล่าวหาว่าถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามบินด่าหนังทำร้ายร่างกายเมื่อวันอังคาร เนื่องจากฝ่าฝืนกฎระเบียบความปลอดภัย แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธว่า ทำร้ายร่างกายชายคนดังกล่าว
ชายคนหนึ่งที่อ้างว่าตนเองเป็นนักเรียนของนายเคือง กล่าวว่า นายเคืองถูกนำตัวไปยังโรงพยาบาลเซนต์พอลในกรุงฮานอยเพราะไม่สามารถพูดได้หลังถูกทำร้าย
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเช้าวันอังคาร (19 เม.ย.) ที่ผ่านมา ในเที่ยวบิน VNA1169 ฮานอย-โฮจิมินห์ ซึ่งต้องลงจอดนอกตารางบินที่นครด่าหนัง เนื่องจากสภาพอากาศที่สนามบินนครโฮจิมินห์เลวร้าย
นายเคืองและบิดาของเขา ได้สอบถามลูกเรือเพื่อขอลงจากเครื่องแต่คำขอดังกล่าวถูกปฏิเสธ โดยนักบินที่ชื่อ "อิวานอฟ" และ หัวหน้าลูกเรือชื่อจิงถิฮวา ได้ปฏิเสธคำขอเพราะ อาจจะทำให้เที่ยวบินล่าช้าออกไปอีก
และเมื่อเตรียมจะขึ้นบิน นายเคืองถูกกล่าวหาว่าเริ่มตะโกนและปฏิเสธที่จะกลับไปนั่งประจำที่ในชั้นประหยัดของตัวเอง ซึ่งนางไอลีน ตัน ผู้โดยสารที่นั่ง 1C ในชั่นธุรกิจ กล่าวว่า นายเคืองนั่งที่นั่งของเธอและไม่ยอมคืนที่นั่งให้
นายตื๋อ วัน ซู จากบริษัทบริการรักษาความปลอดภัยประจำสนามบินด่าหนัง กล่าวว่า กัปตันตัดสินใจนำเครื่องกลับเข้าไปจอดยังอาคารผู้โดยสารและแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ 4 คนได้ขึ้นเครื่องที่เกิดเหตุลำดังกล่าวและขอให้นายเคืองลงจากเครื่อง เมื่อนายเคืองปฏิเสธ เจ้าหน้าที่จึงใช้กำลังนำตัวเขาลงจากไป แต่ไม่ได้ทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด
ในรายงานของเจ้าหน้าที่สนามบินระบุว่า นายเคืองส่งเสียงตะโกน ทำลายความสงบ และไม่ปฏิบัติตามระเบียบความปลอดภัยบนเที่ยวบินโดยสาร ซึ่งนายลาย ซวน แถ่ง รองหัวหน้ากรมการบินพลเรือนเวียดนามกล่าวกับเตื่อยแจ๋ว่ากำลังดำเนินการสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้นนี้
แหล่งข่าวกล่าวว่า นายเคืองได้ติดต่อทนายและวางแผนที่จะฟ้องสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์สเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกาย แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเหตุใดนายเคืองจึงต้องการลงจากเครื่องบินที่สนามบินด่าหนัง หรือปล่อยให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำร้ายร่างกายทั้งที่นายเคืองเป็นผู้เชี่ยวชาญกีฬาเทควันโด
ข่าวที่เผยแพร่ผ่านสื่ออนไลนส์ก่อนนี้ ระบุว่าพนักงานบนเครื่องได้เข้าห้ามปรามและนำตัวนายเคืองออกจากที่นั่งชั้นธุรกิจ กลับไปนั่งยังชั้นประหยัดตามที่ระบุในตั๋ว แต่หัวหน้าโค้ชเทควันโดทีมชาติขัดขืนและทำร้ายลูกเรือ จึงทำให้ต้องป้องกันตัว
แต่เวียดนามแอร์ไลนส์กล่าวในคำแถลงฉบับหนึ่ง ที่ออกในวันพฤหัสบดี ปฏิเสธว่าไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นบนเครื่อง.