ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำสหประชาชาติ ได้ประท้วงอย่างแข็งขันในที่ประชุมประจำปีประเทศภาคีสัญญาว่าด้วยกฎหมายทางทะเลแห่งสหประชาชาติปี 2525 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ณ สำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ก
เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรเวียดนาม ยังได้กล่าวประณามแผนที่รูปตัวยูที่จีนประกาศใช้ฝ่ายเดียว โดยไม่สนใจกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อหวังครอบครองน่านน้ำทะเลจีนใต้ทั้งหมด
การประท้วงกับการประณามดังกล่าว นับเป็นการใช้ท่าทีทางการทูตที่แข็งกร้าวของฝ่ายเวียดนาม เปลี่ยนไปจากที่เคยปฏิบัติอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกันในหลายปีมานี้ เมื่อเกิดการกระทบกระทั่งเกี่ยวกับน่านน้ำ
เอกอัครราชทูตเวียดนาม นายเลเลืองมีง (Le Luong Minh) กล่าวหาจีนบนเวทีระหว่างประเทศว่า ได้อนุญาตให้เรือตรวจการณ์กับเรือประมงจีนเข้าตัดเคเบิลสำรวจใต้ทะเลของเรือสำรวจ 2 ลำของ ซึ่งเป็นของบริษัทน้ำมันแห่งชาติ ปิโตรเวียดนาม และยังทำให้สายเคเบิลพันกัน ในขณะเรือทั้งสองลำปฏิบัติการในน่านน้ำเวียดนาม
“ปฏิบัติการเหล่านี้นับเป็นการล่วงล้ำอธิปไตยของเวียดนามอย่างอุกอาจ” สำนักข่าวซเวินจี๊ อ้างคำพูดของนายเลืองมีง ซึ่งบอกกับที่ประชุม ว่า เวียดนามจะพยายามแก้ไขข้อพิพาทต่างๆ ตลอดจนความตึงเตรียดโดยการเจรจาหลายฝ่ายและใช้สนธิสัญญาปี 2525 กับแถลงการณ์ว่าด้วยการปฏิบัติของฝ่ายต่างๆ ในทะเลจีนใต้ ปี 2543 และ กฎหมายหรือสนธิสัญญาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
นายเลือง ได้กล่าวประณามอย่างแข่งขันการประกาศใช้แผนที่ทางทะเลรูปตัวยูของจีน ซึ่งเป็นการล่วงล้ำเขตน่านน้ำและเขตเศรษฐกิจจำเพาะ 200 ไมล์ทะเลของเวียดนามและประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนอีกหลายประเทศ สำนักข่าวเดียวกันกล่าว
ในเดือน ธ.ค.2550 นักศึกษาและประชาชนเวียดนามหลายร้อนคน ไปชุมนุมที่บริเวณหน้าสถานทูตจีนในกรุงฮานอย ประท้วงการประกาศตั้งเขตปกครองใหม่ของจีน ซึ่งประกาศรวมเอาเกาะทุกเกาะในทะเลจีนใต้เข้าเป็นของตนทั้งหมด
การประท้วงครั้งนั้นสร้างความไม่พอใจให้แก่จีน และ นายเลซวุง (Le Dung) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศในปีนั้นบอกกับฝ่ายจีน ว่า รัฐบาลเวียดนามไม่ได้รู้เห็นเป็นใจเกี่ยวกับการประท้วงดังกล่าว แม้ว่าภาพที่เผยแพร่ออกไปปรากฏให้เห็นตำรวจยืนดูอยู่เฉยๆ และ มิได้เข้าห้ามปรามผู้ประท้วง
ในเดือน พ.ค.กับเดือน มิ.ย.นี้ นักศึกษาและชาวเวียดนามทั่วไปไปหลายร้อยคนได้รวมตัวกันประเทศที่หน้าสถานทูตอีก จัดการประท้วงถึง 2 ครั้ง ทั้งในฮานอยและในนครโฮจิมินห์ โฆษกเวียดนามกล่าวตรงไปตรงมาว่า ชาวเวียดนามทำการประท้วงจีนด้วยความรักชาติ
สัปดาห์ที่แล้วเวียดนามทำการซ้อมรับในเขตน่านน้ำของตนเป็นเวลา 2 วัน สัปดาห์เดียวกันจีนประกาศส่งกองเรือตรวจการณ์กองใหญ่ที่สุดออกตระเวนน่านน้ำทะเลจีนใต้ไปจนถึงช่องแคบมะละกา และประกาศซ้อมรับครั้งใหญ่ในทะเลจีนใต้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งจะเริ่มสัปดาห์หน้า
ใต้ลงไปที่ทะเลซูลู (Sulu Sea) กับ ทะเลซีลีบีส (Celebes Sea) ของฟิลิปปินส์ ซึ่งอยู่ติดกับหมู่เกาะสแปร็ตลีย์อันเป็นใจกลางในความขัดแย้งระหว่างจีนกับเวียดนาม และอีกหลายประเทศ เรือรบสหรัฐฯ หลายลำได้ร่วมกับเรือรบจากอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์และประเทศไทย ลาดตระเวนไปจนถึงช่องแคบมะละกา และซ้อมปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายในฟิลิปปินส์อีกด้วย
ทบวงกองทัพเรือสหรัฐฯรายงานในเว็บไซต์สัปดาห์ที่แล้วว่า ได้สั่งให้เรือพิฆาตชุง-ฮูน ไปประจำในทะเลซูลูตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นมา และ มีภารกิจลาดตระเวนเพื่อรักษาเส้นทางเดินเรือเสรี โดยสหรัฐฯ ถือว่าทะเลจีนใต้เป็นน่านน้ำสากล และเป็นเส้นทางเดินเรือสากลตลอดมา
ขณะเดียวกัน เรือบรรทุกเครื่องบินจอร์จ วอชิงตัน กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ออกเดินทางจากฐานทัพในญี่ปุ่นตั้งแต่วันอาทิตย์ ผู้บังคับการเรือให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไมนิจิชิมบุนว่า กำลังจะร่วมกับพันธมิตรลาดตระวนในเขตแปซิฟิกตะวันตก (ซึ่งรวมทั้งทะเลจีนใต้) เพื่อผดุงเสถียรภาพกับความมั่นคงปลอดภัยในภาคพื้น
ฟิลิปปินส์เป็นอีกประเทศหนึ่งที่เผชิญหน้ากับจีนรอบใหม่ โดยกล่าวหาว่าเรือจีนนำวัสดุอุปกรณ์ไปลงที่แนวเกาะปะการังสองแห่งในน่านน้ำฟิลิปปินส์นอกพื้นที่พิพาทเกาะสแปร็ตลีย์ เตรียมก่อสร้างแท่นสำรวจน้ำมันที่นั่น
โฆษกของกระทรวงกลาโหมของฟิลิปปินส์ แถลงในปลายสัปดาห์นี้ว่า กองทัพเรือฟิลิปปินส์ได้ไปรื้อถอนเสาและสิ่งปลูกสร้าง “ของต่างชาติ” ออกจากเขตเกาะน่านน้ำแล้วตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. และ ไม่มีหลักฐานว่าเป็นของจีนหรือไม่ เนื่องจาก “ไม่มีตราหมีแพนด้า” หรือ อักษรจีนกำกับเอาไว้
“เมื่อกองทัพของเราไม่ได้ไปปักเสาพวกนั้นก็ต้องถือว่าเป็นของต่างชาติและต้องรื้อทิ้ง” โฆษกกลาโหมฟิลิปปินส์ กล่าว