xs
xsm
sm
md
lg

เต่าศักดิ์สิทธิ์ 100 ปีท่าจะแย่ ฮานอยระดมสมองช่วยชีวิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#000033O>ชาวฮานอยเรียก เต่า จนเคย แต่แท้จริงเป็นตะพาบน้ำพันธุ์ใหญ่และหายาก บ้างก็บอกว่าเป็นตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ ปัจจุบันอาจจะมีอายุหลายร้อยปีแล้วและอ่อนแอเต็มที แถมยังโดนเต่าจากต่างแดนรังแก ปลายปีที่แล้วสื่อในเวียดนามได้ร่วมกันรณรงค์ให้เกษตรกรกำจัดเต่าหูแดงจากญี่ปุ่น ซึ่งแพร่พันธุ์เร็วมากในทุกภูมิภาคของประเทศและเสนอให้ทางการกำจัดออกจากบึงฮว่านเกี๊ยมให้หมดด้วย.--ภาพ: Dan Tri.</font>
.

เวียดนามเน็ต - นักวิทยาศาสตร์ทั้งของเวียดนามและต่างประเทศต่างช่วยกันหาทางออกเพื่อรักษาชีวิตเต่าศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ในบึงฮว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem) กรุงฮานอย หลังพบความผิดปกติและร่องรอยบาดแผลบนตัวเต่าที่เพิ่มมากขึ้น

ในการประชุมระหว่างประเทศเพื่อหาทางออกในการอนุรักษ์พันธุ์เต่าโบราณเป็นครั้งแรก มีขึ้นในกรุงฮานอยเมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา โดย ดร.ห่าดี่งดึ๊ก (Hà Đình Đức) ระบุว่า มีบางอย่างผิดปกติกับเต่า หลังพบว่าเต่าขึ้นมาบริเวณผิวน้ำบ่อยครั้ง และในวันที่ 14 ม.ค. บันทึกได้ว่าเต่าขึ้นมายังผิวน้ำมากถึง 14 ครั้ง พร้อมกับรอยแผลหลายรอยที่หลัง และรอยใหม่ที่บริเวณคอและกระดอง

บรรดานักวิทยาศาสตร์ชาวเวียดนามระบุว่า เต่าโบราณที่อาศัยอยู่ในบึงฮว่านเกี๊ยมนี้จำเป็นต้องนำขึ้นบกเพื่อรักษาบาดแผล แต่ผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติบางคนมองว่าการกระทำดังกล่าวควรเป็นทางออกสุดท้ายมากกว่า

"เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในการดูแลเต่าศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ ผมเสนอให้นำตัวเต่าขึ้นมาจากน้ำอย่างเร่งด่วนเพื่อตรวจสอบและรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้แย่ไปกว่านี้ และไม่ถูกคุกคามจากเต่าพันธุ์อื่นๆ ที่อยู่ในบึงเดียวกัน" ดร.ดึ๊ก กล่าว นอกจากนั้นยังได้แนะนำทางออกอื่นๆ เช่น การกำจัดเต่าญี่ปุ่น (red-eared turtles) หรือเต่าแก้มแดง ที่อาศัยอยู่ในบึง เพื่อคุ้มครองเต่าศักดิ์สิทธิ์และระบบนิเวศของบึง การตรวจสอบก้นบึงและระบบระบายน้ำจากบรรดาร้านอาหารที่ตั้งอยู่รอบๆ บึง การกำจัดขยะ ปรับปรุงคุณภาพน้ำ ขุดลอกโคลนและห้าม ประชาชนปล่อยเต่าญี่ปุ่นลงในบึง

ทางด้านนายกิมเวินวัน (Kim Văn Vạn) จากมหาวิทยาลัยการเกษตรกรุงฮานอย กล่าวว่า เต่าโบราณอาจได้รับความเจ็บปวดจากบาดแผลระหว่างขั้นตอนเคลื่อนย้าย เพราะมีอายุมากและอ่อนแอ ทั้งน้ำหนักตัวมากขึ้น แต่อาจชนเข้ากับของแข็งใต้ก้นบึงและรอยแผลที่เกิดขึ้นพวกนี้อาจแย่ลงเนื่องจากน้ำเสีย

"ทางที่ดีควรนำเต่าขึ้นมาบนฝั่งเพื่อรักษาบาดแผลที่กำลังเปื่อยและรักษาคุณภาพน้ำในบึง" นายวัน กล่าว และว่ากระบวนการการรักษาน่าจะใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน ซึ่งบรรดานักวิทยาศาสตร์ชาวเวียดนามส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมในการประชุมต่างเห็นชอบกับขั้นตอนดังกล่าว

(โปรดเลื่อนลงเพื่ออ่านต่อ)
.
ท่าทางจะลำบาก

2

3

4
<bR><FONT color=#000033O>เต่าศักดิ์สิทธิ์มีแผลเต็มตัว ทั้งแผลพุพองและแผลเหมือนรอยถูกกัดแทะตามกระดอง และส่วนอื่นๆ โดยที่ยังไม่ทราบสาเหตุอันแท้จริง.--ภาพ: Dan Tri.</font>
5

ผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติ มองว่า การนำเต่าขึ้นบกอาจทำให้เต่าได้รับบาดเจ็บหรือตายได้

นายทิโมธี แมคคอร์แมค ผู้ประสานงานโครงการอนุรักษ์เต่าเอเชีย (เอทีพี) แสดงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญชาวเวียดนามแนะนำ โดยเขากล่าวว่าจำเป็นที่จะต้องสังเกตบาดแผลบนตัวเต่า และการนำเต่าขึ้นจากบึงควรเป็นทางออกสุดท้าย

เนื่องจากมีการยืนยันว่าเต่าโบราณดังกล่าวเป็นเต่าตัวเดียวที่เหลือมีในเวียดนาม ดังนั้นการอนุรักษ์เต่าจึงมีความสำคัญเป็นลำดับแรก เต่าอายุมากตัวนี้อาจได้รับบาดเจ็บเพิ่มหรือตายหากนำขึ้นจากบึงเพื่อรักษาโดยไม่มีอุปกรณ์และสัตวแพทย์ที่เชี่ยวชาญพอ แมคคอร์แมคเสนอให้มีการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญระดับอาวุโสจากนานาชาติร่วมมือในกระบวนการดังกล่าว

ดร.ไนมอล เฟอร์นันโด จากสวนสนุกโอเชียนพาร์คในฮ่องกง มีความคิดเห็นคล้ายกับนายแม็คคอร์แมค การนำเต่าขึ้นมารักษาบนบกอาจช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของเต่าได้อย่างรวดเร็วแต่มีความเสี่ยง และการแยกเต่าออกจากสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยอาจทำให้เกิดความเครียดยิ่งขึ้น ทางออกที่เหมาะสมที่สุดคือการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของบึงทั้งหมด สภาพแวดล้อมที่สะอาดจะเป็นผลดีสำหรับเต่าและบาดแผลอาจรักษาหายไปเอง แม้จะใช้เวลานานแต่ไม่เป็นอันตรายต่อตัวเต่า

นายเลซวนราว (Lê Xuân Rao) ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกรุงฮานอย ยืนยันว่า หน่วยงานจะนำข้อคิดเห็นต่างๆ ที่สามารถช่วยอนุรักษ์เต่าไปดำเนินการโดยทันที่ เช่นการทำความสะอาดก้นบึง การปรับปรุงคุณภาพน้ำ และการย้ายท่อน้ำทิ้ง เป็นต้น

จนถึงปัจจุบัน อายุและเพศของเต่าศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ยังไม่สามารถระบุได้ หลายคนบอกว่าอยู่มาสัก 700 ปี แล้วเห็นจะได้ โดยอ้างอิงตำนานเรื่องเล่าของเต่าศักดิ์สิทธิ์ในบึงฮว่านเกี๋ยม แต่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เต่าไม่สามารถมีอายุได้ยาวนานถึงขนาดนั้น

เตาชนิดกระดองแข็งทั่วไปอาจจะมีอายุยืนถึง 300 ปี แต่ชนิดกระดองอ่อน หรือ พวกตะพาบน้ำเช่นเดียวกับพันธุ์โบราณในบึงฮซ่านเกี๊ยม อาจจะมีอายุได้ 100-170 ปี.

------

(ยังหาข้อสรุปไม่ได้อยู่หลายประเด็นสำหรับเต่าศักดิ์สิทธิ์ในบึงแห่งตำนานนี้ ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า อาจจะมีเต่าอยู่ 2 ตัว เคยมีผู้เห็นตัวหนึ่งหัวมีสีออกเขียวคล้ำ กับอีกตัวหัวสีเหลืองซึ่งแตกต่างกันชัดเจน นอกจากนั้นยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับสาเหตุที่มาของบาดแผลฉกรรจ์ สื่อเวียดนามกล่าวว่า เกิดจากการกัดแทะของเต่าญี่ปุ่นหูแดงที่มีผู้นำไปปล่อยลงในบึง เป็นเต่าที่กินสารพัด เป็นภัยต่อสัตว์และพืชน้ำทุกชนิด อีกส่วนหนึ่งลงความเห็นว่า อาจเกิดจากการติดเชื้อเนื่องจากอายุมาก ร่างกายอ่อนแอ และ คุณภาพน้ำในบึงแย่ลง.—บก.)

"เต่าจักรพรรดิ":ผู้ต้องหา

6

7

8
<bR><FONT color=#000033>เต่าหูแดงซึ่งเป็นเต่ากระดองแข็งจากญี่ปุ่นปรากฏตัวกับเต่าโบราณแห่งบึงฮว่านเกี๊ยม ตัวเล็กกว่าบางครั้งก็ขี่หลังขณะเต่าแห่งตำนานลอยตัวขึ้นสู่พื้นน้ำ ทำให้เจ้าตัวเล็กกลายเป็นผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1 เนื่องจากมีนิสัยกัดแทนและกัดกินทุกอย่างที่ขวางหน้า.</font>
9


เต่าฟีเวอร์
<bR><FONT color=#000033>หอคอยเต่าแห่งบึงฮว่านเกี๊ยม ปัจจุบันเต่าศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถปีนขึ้นไปนอนผึ่งแดดได้อีกแล้ว เนื่องจากพื้นอยู่สูงจากระดับน้ำเกินไป จะต้องทำใหม่ให้ลาดเอียงเหมือนเดิม.</font>
10
<bR><FONT color=#000033>ภาพแฟ้มรอยเตอร์ 22 ก.พ.2553 ชาวเวียดนามรวมทั้งชาวต่างชาติเอง มองดูเต่าศักดิ์สิทธิ์แห่ง บึงคืนดาบ ในตำนานของนครทังลองเมื่อ 1,000 ปีก่อน ปรกติจะไม่โผล่ขึ้นมาให่เห็นบ่อยนัก.</font>
11
<bR><FONT color=#000033>ภาพแฟ้มรอยเตอร์ 22 ก.พ.2553 เต่าศักดิ์สิทธิ์ลอยขึ้นมาให้เห็น พักหลังนี้โผล่ขึ้นมาบ่อยๆ ทำให้น่าสงสัยว่าคุณภาพของน้ำในบึงอาจจะถึงระดับที่เสื่อมทรามหรือไม่ก็อาจจะกำลังเผชิญหกับอันตรายสักอย่างอยู่เบื้องล่าง.--REUTERS/Kham.</font>
12

13

14

15
<bR><FONT color=#000033>ภาพ VN Express ทั้ง 4 ภาพเห็นเหตุการณ์วันที่ 17 ม.ค.2552 ชาวฮานอยตื่นเต้นที่ได้เห็นเต่าศักดิ์สิทธิ์โผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นบุญตา แต่ในปัจจุบันขึ้นมาให้เห็นที่ผิวน้ำบ่อยผิดสังเกต และพักหลังนี้มีแผลปรากฏให้เห็นทั่วทั้งตัว. </font>
16
กำลังโหลดความคิดเห็น