.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซนส่งลูกชาย “ฮุน มาเนต” ที่เพิ่งจะได้รับการประดับยศชั้นเป็นนายพลตรีเมื่อเดือนที่แล้วเข้าชายแดนไทย เพื่อโปรโมตนายพลใหม่ต่อสาธารณชน แม้จะปฏิเสธไม่ใช่การเตรียมทายาทสืบทอดตำแหน่งก็ตาม ทั้งนี้เป็นมุมมองของมิเชล ฟิตซ์แพทริก (Michelle Fitzpatrick) แห่งสำนักข่าวเอเอฟพี
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่งถึงกับเปรียบเทียบเรื่องนี้กับเกาหลีเหนือซึ่งผู้นำคอมมิวนิสต์คิมจองอิล นำบุตรชายคนโตออกสู่สายตาสาธารณชน เพื่อแสดงให้เห็นว่าบิดาได้เลือกให้ขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ เตรียมสืบทอดอำนาจ
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การปะทะครั้งรุนแรงที่สุดที่ชายแดนไทยกัมพูชา ได้ช่วยส่งเสริมความน่าเชื่อถือทางการทหารของฮุน มาเนต บุตรชายวัย 33 ปี ซึ่งนับเป็นชัยชนะเล็กๆ ของฮุนเซน ในขณะที่ความขัดแย้งกับไทยยังคงดำเนินต่อไป
นักการทูตในกรุงพนมเปญที่เคยพบ ได้พูดถึงฮุนมาเนตบุตรชายคนโตจากลูกๆ ทั้ง 6 คนของฮุนเซนว่าเป็น “คนหนุ่มที่ดูสงบเสงี่ยมธรรมดาๆ” คนหนึ่ง ซึ่งแม้จะเติบในกัมพูชาแต่ก็สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ และ แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็เป็นหัวหน้ากองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายของกระทรวงกลาโหม และเป็นรองผู้บัญชาการกองกำลังส่วนตัวพิทักษ์บิดา
ฮุนมาเนตเพิ่งได้รับเลื่อนยศติดดาวดวงที่ 2 (พลตรีในระบบของกัมพูชา-บก.) ในเดือน ม.ค. ซึ่งได้ทำให้นักสังเกตการณ์กล่าวว่า อาจเป็นการเตรียมทายาทเพื่อสืบทอดอำนาจต่อจากบิดา ซึ่งปัจจุบันอายุ 59 และครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 2528 - ทำให้กลายเป็นผู้นำที่อยู่ในอำนาจมายาวนานที่สุดในเอเชีย
นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ปกป้องแก้ต่างให้ลูกชายที่เรียนสำเร็จจากเวสต์ปอยต์ โรงเรียนนายร้อยทหารที่มีชื่อเสียงในสหรัฐฯ เมื่อปี 2542 และ สำเร็จปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยบริสทอล ประเทศอังกฤษ ระบุว่า เขาเหมาะสมกับตำแหน่งที่สุด
“เขาอยู่ในกองทัพมา 16 ปีแล้ว และก็มีการเลื่อนชั้นยศภายใน” ฮุนเซนกล่าว (ในเดือนมกราคม เมื่อเริ่มมีเสียงวิจารณ์หนาหู-บก.)
(โปรดเลื่อนลงเพื่ออ่านต่อ)
.
นายไชยา ฮั่ง (Chhaya Hang) ผู้อำนวยการบริหารสถาบันเพื่อประชาธิปไตยเขมร องค์กรด้านนโยบายของเอกชน เชื่อว่าฮุนเซนกำลังพยายามกระชับอำนาจ โดยการโหมประโคมเกี่ยวกับการนำของประเทศในอนาคต
“ผมเห็นสิ่งคล้ายกันนี้ปีที่แล้ว เมื่อประธานาธิบดีเกาหลีเหนือหนุนลูกชายขึ้นตำแหน่งนายพลสี่ดาว” นายฮั่งกล่าว
เมื่อความขัดแย้งที่ชายแดนกับไทยปะทุรุนแรงขึ้นต้นเดือนนี้ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน สื่อของไทยได้ชี้ให้เห็นบทบาทของฮุนมาเนต บางแห่งยังอ้างว่าบุตรชายของผู้นำได้รับบาดเจ็บ ซึ่งไม่จริง
ฮุนเซนไม่ปิดบังเรื่องนี้ โดยระบุระหว่างการปราศรัยนัดหนึ่งว่า บุตรชายมีหน้าที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ชายแดนและการเจรจากับฝ่ายไทย เพื่อความปลอดภัยของกรุงพนมเปญเมืองหลวง
“มาเนตดังมากในประเทศไทยตอนนี้” ฮุนเซนกล่าว ในท่วงทำนองของบิดาที่ภูมิใจ ขณะกระทบกระเทียบรายงานของสื่อไทย
“พวกผู้รุกรานสาปแช่งเอ็ง-ไอ้ลูกพ่อ” ฮุนเซนกล่าว
“สู้ต่อไปลูก พ่อเองเป็นกำลังใจให้” ผู้นำกัมพูชากล่าว
ไม่กี่วันหลังจากความรุนแรงยุติลง มาเนตเดินทางไปปรากฏตัวที่ชายแดนในที่สุด (ความจริงฮุนมาเนตขึ้นเขาพระวิหาร ตั้งแต่ปลาย ม.ค. โปรดดูภาพที่ 1- บก.) ซึ่งทหารที่ไม่ประสงค์ให้ระบุชื่อคนหนึ่งกล่าวว่า เป็นการเยี่ยมเยือนให้กำลังใจแนวหน้า และ “ยังให้ข้อแนะนำทหารเกี่ยวกับยุทธวิธีการต่อสู้กับการป้องกันตัว” อีกด้วย
.
.
เชื่อกันว่าทหารกัมพูชาที่ชายแดนจำนวนมากเป็น นักรบเขมรแดงเก่าที่ช่ำชองการศึกในช่วงสงครามกลางเมือง 10 ปี
นายไชยากล่าวว่า การไปเยี่ยมชายแดนของมาเนต เป็นการสนองความต้องการ (ของฮุนเซน) ที่จะให้บุตรชายเข้าสู่ “สถานการณ์สงครามจริง” ซึ่งจะช่วยทำให้บทบาทของเขาในกองทัพ ในฐานะนายพลอายุน้อยที่สุดคนหนึ่ง มีความชอบธรรม
แต่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งยังมีความเห็นต่างอยู่ว่า อาจจะยังมีความจำเป็นที่จะต้องไม่รีบเร่ง ทำให้เห็นฮุนมาเนต เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง
นายซอนซูแบร์ [Son Soubert (หัวหน้าพรรคแขมร์รีปับลิกัน บุตรชายนายซอนซานน์ อดีตนายกรัฐมนตรี หนึ่งในผู้นำเขมรสามฝ่ายที่ต่อต้านฮุนเซน-เวียดนาม- บก.)] กล่าวว่า คนทั่วไปอาจจะไม่สู้สึกกังวลอะไรมากมายเกี่ยวกับว่า บุตรชายผู้นำจะเป็นอะไรที่ตรงไหน
อาจจะยังเร็วเกินไปที่คาดกันว่า นายกฯ กัมพูชากำลังกรุยทางให้บุตรชายขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด เนื่องจากอาจจะมีแรงต่อต่านจากภายในพรรคประชาชนกัมพูชาเอง
“คนจำนวนมากคิดว่าเขาถูกเลือกเพื่อให้สืบทอดอำนาจต่อจากบิดา แต่ทว่าเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่ในการทำให้ทุกคนในพรรคซีพีพีพึงพอใจ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
ถ้าหากมาเนตจะขึ้นสู่อำนาจสูงสุดจริง เขาอาจจะต้องรอไปอีกนาน บิดาของเขาได้ลั่นวาจาจะอยู่ในตำแหน่งจนกระทั่งอายุ 90” นายซูแบร์กล่าว
นายมิลตัน ออสบอร์น (Milton Osborne) แห่งสถาบันนโยบายระหว่างประเทศโลว์อี นครซิดนีย์กล่าวว่า ในวันนี้ควรจะให้ความสำคัญต่อวาจาของฮุนเซนเกี่ยวกับการครองอำนาจว่าเป็นเรื่องจริงจังเฉพาะหน้า.