ASTVผู้จัดการออนไลน์-- โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชากล่าวในวันอังคาร 15 ก.พ. นี้ว่า รัฐบาลกรุงพนมเปญสนับสนุนท่าทีของจีน ที่สนับสนุนให้กลุ่มอาเซียนหาทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเป็นการเปลี่ยนท่าทีที่ค่อนข้างรวดเร็วเพียงข้ามวัน แต่สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างบังเอิญ
ก่อนหน้านั้นฝ่ายกัมพูชาได้ขอให้สหประชาชาติสั่งให้มีการหยุดยิงถาวรที่ชายแดน ซึ่งจะนำไปสู่การมีกองกำลังรักษาสันติภาพเข้าประจำการ
กัมพูชาเปลี่ยนท่าทีกะทันหันในวันอังคารนี้ หลังจากโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกมาตอกย้ำจุดยืนเดิมอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งที่สองในวันจันทร์ เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council) จะเริ่มขึ้นในนครนิวยอร์กและมีมติสนับสนุน ให้กลุ่มอาเซียนเองดำเนินการไกลเกลี่ยเพื่อแก้ไขปัญหา
ถ้อยแถลงของรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ต่อที่ประชุม UNSC ก็ได้กล่าวถึง ความปรารถนาที่จะร่วมกับอาเซียนในการหาทางแก้ไขปัญหาชายแดนกัมพูชาไทย ทั้งๆ ที่สัปดาห์ที่แล้วได้ยืนยันมาตลอดว่าสหประชาชาติจะต้องมี “ปฏิบัติการเร่งด่วน” ต่อ “การก้าวร้าวรุกราน” ของไทย
แต่ถึงกระนั้นนายกอยเกือง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาก็ยังกล่าวว่า ท่าทีของจีนตรงกับจุดยืนของกัมพูชา ที่ต้องการให้การเจรจากับไทย ต้องมีฝ่ายที่ 3 เข้าร่วมด้วย และ มติของ UNSC ที่ออกมา ก็เป็นชัยชนะของฝ่ายกัมพูชา
ยังไม่มีรายละเอียดในขณะนี้ว่า กลุ่มอาเซียนที่อินโดนีเซียทำหน้าที่ผู้นำและกำลังจะจัดการประชุมหารือเรื่องนี้ในสัปดาห์ปลายเดือน ก.พ. จะดำเนินการไกล่เกลี่ยเรื่องนี้อย่างไร ในขณะที่อาเซียนมีข้อปฏิบัติที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวในกิจการภายในของชาติสมาชิก
ในคำแถลงความยาวเพียง 6 ย่อหน้าที่ UNSC ออกมาหลังการประชุมในวันจันทร์ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียนายมาร์ตี นาตาเลกาวา นายฮอร์นัมฮองจากกัมพูชาและนายกษิต ภิรมย์ ของไทย ไทย เข้าร่วมด้วยนั้น ได้แสดงความห่วงใยอย่างยิ่งเกี่ยวกับ "การปะทะด้วยกำลังอาวุธ" ระหว่างไทยและกัมพูชา
ก่อนหน้านี้กัมพูชาได้ร้องเรียนต่อ UNSC ว่า เหตุการณ์ที่ชายแดนไทยไม่ใช่ "การปะทะ" หากเป็น "สงคราม" และ เรียกร้องให้มีปฏิบัติการเร่งด่วนเพื่อหยุดยั้ง "การรุกราน" ของไทย และ การทำลายปราสาทพระวิหารให้ได้รับความเสียหายจนกระทั่ง "พังไปแถบหนึ่ง"
สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคง "เรียกร้องให้สองฝ่ายใช้ความอดทนอย่างที่สุดและหลีกเลี่ยงกระทำการอันใดที่จะทำให้สถานการณ์ลุกลาม" และ เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่าย "หาทางให้มีการหยุดยิงถาวรและดำเนินการตามนั้นอย่างเต็มที่และแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวอย่างสันติและผ่านการสนทนาที่มีประสิทธิผล"
นายกษิตกล่าวในวันอังคารนี้ว่า ไทยพร้อมทุกเมื่อที่จะทำข้อตกลงหยุดยิงกับกัมพูชาขึ้นอยู่กับว่ากัมพูชาจะพร้อมหรือไม่ รมว.ต่างประเทศของไทยให้สัมภาษณ์ดังกล่าวโดยไม่ได้อธิบาย.