ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ตามปฏิทินปีใหม่ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปีนี้เป็นปีเถาะ แต่ชาวเวียดนามไม่มีปีกระต่าย หากเป็นปีแมว เป็นปีแห่งความโชคดีของผู้คน แต่ดูจะเป็นปีแห่งโชคร้ายของบรรดาแมว
ชาวเวียดนามทางภาคเหนือของประเทศยังคงนิยมรับประทานอาหารเมนูแมวในช่วงต้นปี โดยเชื่อว่าเป็นอาหารนำโชคช่วยปัดเป่าความชั่วร้าย และยังเป็นเมนูที่ทำให้อบอุ่นในช่วงเดือนแห่งความหนาวเย็น อันเป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมาจากชาวจีนแผ่นดินใหญ่
ปีนี้เป็นปีแมวและช่วงเดือนต้นปี ก็เป็นฤดูแห่งการกินแมวที่ จ.ถายบี่ง (Thai Binh) ตั้งแต่เมืองใหญ่จนถึงหมู่บ้านชนบทห่างไกล จะพบร้านอาหารประเภทนี้ทั่วไป นอกจากนั้น ยังทำเลี้ยงดูกันในงานเลี้ยง งานเทศกาลต่างๆ ทั้งนี้ เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เหงือยลาวด่ง (Nguoi Lao Dong) หรือ “คนงาน” ซึ่งเป็นของสหพันธ์แรงงานกรุงฮานอย
แต่ก็มีร้านอาหารหลายแห่งในจังหวัดนี้ที่เสิร์ฟเมนูแมวตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวย่างร้อนๆ ได้รับความนิยมมาก เชื่อกันว่า เป็นอาหารที่ให้พลังงาน และเป็นยาอายุวัฒนะ
ที่ อ.เดียมเดียน (Diem Dien) เมืองเล็กๆ ประชากรเพียง 1,000 คนเศษ ตั้งอยู่ริมลำน้ำ มีร้านอาหารที่เสิร์ฟเมนูแนวอย่างน้อย 10 แห่ง ชาวเวียดนามจากจังหวัดอื่นๆ จำนวนมากไปที่นั่นในช่วงต้นปี รวมทั้งจากกรุงฮานอยด้วย เหงือยลาวด่ง กล่าว
ส่วนที่นิยมรับประทานมากที่สุด คือ กระเพาะกับลำไส้ของแมว เนื้อส่วนสะโพกนำไปทำลูกชิ้นและทำต้มซุป ส่วนอื่นๆ จะทิ้งไป แต่ถ้าเป็นแมวย่างก็จะควักเครื่องในออก ย่างทั้งตัวทั้งหัว ใช้ไฟอ่อนๆ จนเป็นสีน้ำตาลอ่อน แมวย่างตัวหนึ่งอาจมีราคาถึง 10 ล้านด่ง (1 ดอลลาร์= 19,500 ด่ง) จึงไม่ใช่อาหารสำหรับคนจน
“เนื้อแมวนำโชคดีมาให้ พวกเราจะหาทานกันทุกครั้งที่เรือไปเทียบท่า นี่ไม่ต้องพูดถึงช่วงปีใหม่หรือต้นเดือนนะ เป็นช่วงที่จะต้องหากินกันให้ได้อยู่แล้ว" เหงือยลาวด่ง อ้างคำพูดเจ้าของเรือบรรทุกสินค้าคนหนึ่ง ที่ล่องรับจ้างตามลำน้ำ
การเสิร์ฟเมนูแมวในงานเลี้ยงบอกฐานะของเจ้าของบ้าน เพราะฉะนั้นก็จึงมีแมวทอด แมวย่างเสิร์ฟ แพงที่สุดคือเนื้อแมวดำ ที่เชื่อกันว่าเป็นอาหารวิเศษสุด จึงหายากในงานเลี้ยงทั่วไป
“วิธีที่ดีที่สุดการสังหารแมวเพื่อไม่ให้กระทบต่อรสชาติของเนื้อก็คือถ่วงน้ำ” สื่อของทางการอ้างคำกล่าวของคนทำอาหารในร้านที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่งของอำเภอ
“หากตีมันให้ตายหรือเชือดคอ แมวจะกลัวและเกร็งทำให้ถุงน้ำดีแตก ทำให้เนื้อมีรสชาติเลวร้ายมาก” กุ๊กคนเดียวกันกล่าว
อาหารประเภทนี้หลายแห่งเลี้ยงแมวเอง โดยให้เหตุผลว่าแมวนำเข้าจากจีน แม้ราคาจะถูกกว่า แต่ไม่อร่อย สู้แมวพื้นเมืองไม่ได้ แมวสดขายกันกิโลกรัมละ70,000 ด่ง (3.5 ดอลลาร์) เพราะฉะนั้นจึงเกิดกรณี “แมวหาย” อยู่บ่อยๆ หากเจ้าของเลี้ยงดูอย่างไม่เอาใจใส่ปล่อยให้ออกนอกบ้าน เหงือยลาวด่ง กล่าว
ร้านอาหารเมนูแมวจะไม่ติดป้ายโฆษณาหน้าร้าน เนื่องจากทางการจังหวัดได้ประกาศห้ามค้าและฆ่าแมว
“คำสั่งห้ามไม่ได้มีความหมายอะไร ผมทำธุรกิจนี้มากว่า 10 ปีแล้ว ไม่เคยมีปัญหา” เจ้าของร้านอาหารคนหนึ่งบอกกับหนังสือพิมพ์ฉบับนี้
ถายบี่ง เป็นจังหวัดที่ประชากรกว่า 80% มีรายได้จากการเกษตร เป็นแหล่งปลูกข้าวสำคัญแห่งหนึ่งในภาคเหนือ เมื่อจับแมวไปทำอาหารมากๆ เข้า หนูนาก็เริ่มอาละวาด
คนกินแมวเพื่อความโชคดี หนูก็โชคดีไปด้วย เพราะว่าได้กินข้าวของคนอย่างอิ่มหนำ ชาวนาในหลายท้องถิ่นเอือมระอากับวิธีการเก่าๆ ในการกำจัดหนู จึงหันไปใช้วิธีใช้ไฟชอร์ต โดยทำข่ายสายไฟต่อลงไปในท้องนาในฤดูเก็บเกี่ยว
แต่บางครั้งเหยื่อที่ถูกไฟช็อตก็ไม่ใช่หนู แต่เป็นคน เหงือยลาวด่ง กล่าว