อำนาจแห่งกรรมเป็นสิ่งที่ตรงไปตรงมามากที่สุด ใครทำกรรมใดไว้ ก็ย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้นตามเหตุปัจจัย การกระทำกรรมชั่วจึงเป็นเหมือนกับการสร้างกับดักไว้ให้กับตนเอง ซึ่งในที่สุดผู้ที่จะตกลงสู่ความหายนะก็คือตัวผู้กระทำกรรมนั่นเอง เรื่องต่อไปนี้เป็นอีกกรณีหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นกฎแห่งกรรมที่ปรากฏให้เห็นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
นายสมภพ เป็นชาวสมุทรปราการ เขาเป็นคนใจร้อนวู่วาม ไม่พอใจอะไรนิดหน่อยก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จึงทำให้เขาต้องทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่นอยู่เสมอ
สมภพไม่ได้เป็นคนใจร้อนเฉพาะกับผู้คนทั่วไปเท่านั้น แต่เวลาทำอะไรที่ไม่ได้ดั่งใจ เขาก็จะโมโห โกรธ และระบายความโกรธด้วยวิธีการต่างๆนานา หากอยู่ใกล้สิ่งใดสิ่งนั้นก็นับว่าได้รับผลกระทบไปด้วย เช่น ถ้าอยู่ใกล้ถ้วยชาม ก็เป็นต้องแตก อยู่ใกล้หมาแมวที่ไหนก็ไล่เตะ ไล่ตี ความเป็นคนโมโหร้ายของสมภพนี้เอง เป็นที่มาของกรรมหนักที่เขาได้รับ
วันหนึ่งขณะที่เขาอยู่ที่บ้านตามลำพัง และกำลังทำกับข้าวอยู่นั้น ก็มีแมวตัวหนึ่งเดินเข้ามาหา เหมือนกับว่ามันหิวข้าว แต่สมภพเห็นแมวตัวนั้นแล้วรู้สึกว่ามันขวางหูขวางตาอย่างไรก็ไม่รู้ แรกๆก็พยายามส่งเสียงไล่มัน แต่แมวยังคงเดินวนเวียนอยู่แถวนั้น ไม่ยอมไปไหน
เมื่อไล่อย่างไรก็ไม่ไปสักที สมภพจึงเริ่มเกิดอารมณ์โมโหขึ้นมา เขาจึงหาเศษไม้ขว้างใส่แมว ซึ่งก็ทำให้มันวิ่งหนีไปด้วยความตกใจกลัว แต่สักพักมันก็เดินกลับมาอีก สมภพจึงเกิดอาการโมโหขึ้นมาอย่างสุดขีด
ไฟโทสะในใจของสมภพลุกโพลงอย่างเต็มที่ และดูเหมือนว่ามันจะรุนแรงขึ้น เขาจึงคิดวางแผนที่จะกำจัดแมวตัวนี้ให้ได้ เขาจึงหาปลาย่างวางไว้ใกล้ๆ เพื่อล่อให้มันมากิน
เมื่อแมวเห็นปลาย่าง ก็ค่อยๆเดินเข้ามากิน สมภพจึงตะครุบแมวตัวนั้นไว้ได้ เขาบีบคอมันอย่างแรงพร้อมทั้งจับขามันไว้อย่างแน่นหนา และด้วยความเจ็บปวดมันจึงพยายามดิ้นสุดชีวิต แต่ก็สู้แรงของสมภพไม่ได้ และด้วยความโมโหจนขาดสติ เขาจึงเอาเชือกมามัดขาหน้าสองข้างไว้ด้วยกัน และมัดขาหลังสองข้างไว้เช่นเดียวกัน ตลอดเวลาแมวก็ส่งเสียงร้องดังด้วยความเจ็บปวด ซึ่งก็เหมือนยิ่งไปเพิ่มเชื้อไฟโทสะให้กับสมภพมากยิ่งขึ้น
หลังจากมัดจนแน่นหนาแล้ว เขาก็หาเชื้อเพลิงมาสุมกองไฟให้ลุกโชนมากขึ้น เมื่อไฟลุกเต็มที่ เขาจึงตัดสินใจจับแมวโยนใส่กองไฟทันที เปลวเพลิงได้แผดเผาร่างของแมวที่พยายามดิ้นรนอย่างหนัก!!
สมภพนั่งมองแมวที่ถูกไฟคลอก ด้วยรอยยิ้มที่สะใจ ตอนนั้นเขาไม่รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นบาปแต่ประการใด เพราะไฟแห่งความโกรธเกลียดได้บังตาของเขาจนหมดสิ้น เขาปล่อยให้เพลิงเผาร่างของแมวจนเป็นเถ้าถ่าน ส่วนตนเองก็กลับไปกินข้าวปลาอาหารอย่างสบายใจ
สมภพไม่ได้คิดเลยว่ากรรมที่เขาได้กระทำในวันนี้ จะนำมาซึ่งความทุกข์ของเขาในวันข้างหน้า เพราะเมื่อเวลาผ่านไปสมภพก็ลืมเรื่องที่เขาเคยฆ่าแมวเสียสนิท
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เขาก็ทำมาหากินตามปกติ พอมีเงินมีทองที่จะปรับปรุงบ้านให้ดีขึ้นกว่าเดิม เขาได้ทำบ้านใหม่ ติดลูกกรงเหล็กและมุ้งลวดอย่างสวยงาม
วันหนึ่งซึ่งเป็นวันหยุด คนในบ้านของสมภพได้พากัน ออกไปเที่ยวต่างจังหวัด แต่สมภพไม่อยากไป เขารู้สึก ขี้เกียจเดินทาง จึงขอนอนอยู่บ้าน
ตอนกลางวันเขาได้เข้าครัวเพื่อทำอาหารรับประทานเอง แต่ด้วยความที่เริ่มจะอายุมาก ก็ทำให้เขาหลงๆลืมๆ เขาจึงลืมปิดแก๊สเมื่อทำอาหารเสร็จ หลังกินอาหารเสร็จเขาก็ไปนอนดูทีวีอย่างสบายใจ และเผลอหลับไป โดยไม่รู้ว่าที่ห้องครัวเกิดไฟไหม้แล้ว
เพราะบังเอิญว่าใกล้ๆ กันนั้น มีพลาสติกติดไฟอยู่ ไฟได้ค่อยๆ ละลายพลาสติก และค่อยๆติดเชื้อเพลิงมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็ไฟก็ลุกโพลงขึ้น
บ้านของสมภพนับว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี และกว่าเขาจะรู้ตัวว่าไฟไหม้ ไฟก็ได้ลุกโหมอย่างหนักแล้ว
ความร้อนจากเปลวเพลิงและควันไฟ ทำให้เขาสะดุ้งตื่น เขาตกใจมาก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่วิ่งไปหาน้ำมาดับไฟ และเรียกตะโกนให้คนช่วย แต่ไม่มีใครได้ยิน เขาวิ่งเอาน้ำไปดับไฟจนหมดแรง เมื่อหมดปัญญาที่จะดับไฟ เขาจึงคิดจะหนีออกจากบ้าน แต่บังเอิญประตูบ้านก็ถูกเขาล็อคไว้หมด และเมื่อสถานการณ์คับขันอย่างนั้น เขาก็นึกไม่ออกว่า วางกุญแจบ้านไว้ที่ไหน
สมภพจึงถูกไฟคลอกอยู่ในบ้านอย่างทุกข์ทรมาน ดิ้นทุรนทุรายเพราะร้อนไปทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างบอกไม่ถูก!!
เมื่อชาวบ้านใกล้เคียงเห็นเปลวเพลิงลุกไหม้ จึงเรียกรถดับเพลิง และช่วยกันพังประตูบ้านเข้ามาช่วย แต่สมภพได้สลบไปแล้ว เจ้าหน้าที่จึงนำเขาส่งโรงพยาบาล ในสภาพเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยแผลที่เกิดจากไฟไหม้พุพองไปทั้งตัว
เดชะบุญที่เขารอดตาย แต่ก็ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานพอสมควร ตลอดเวลานั้นทำให้เขานึก ถึงแมวที่เขาเคยฆ่าอย่างทารุณโหดร้าย ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมภาพที่เขาฆ่าแมวในวันนั้น ได้มาปรากฏอยู่ในใจตลอดเวลาตั้งแต่ที่โดนไฟคลอกจนสลบไป รวมทั้งตอนอยู่ที่โรงพยาบาล
เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงคิดที่จะทำบุญกุศลอุทิศไปให้กับแมวตัวนั้น ซึ่งเขาคิดว่าที่ตัวเองต้องโดนไฟคลอก ก็อาจจะเป็นเพราะกรรมที่เคยทำไว้กับแมวนั่นเอง
นี่คืออำนาจของกฎแห่งกรรม ที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าช้าหรือเร็ว หากทำกรรมใดไว้แล้ว ก็ย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้นอยู่วันยังค่ำนั่นเอง เราทั้งหลายจึงควรหลีกเว้นจากกรรมชั่ว หันมาทำกรรมดี ซึ่งจะทำให้เราได้พบแต่ความสุขความเจริญตลอดไป
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 127 มิถุนายน 2554 โดย มาลาวชิโร)