ASTVผู้จัดการออนไลน์-- บุตรชายวัย 33 ปีของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน ได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองพลต่อต้านการก่อการร้ายที่มีชื่อเสียง ที่มีการปรับเปลี่ยนใหม่ 2 ปีที่แล้ว พร้อมกับควบตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ผู้นำ ที่มีฐานะเทียบเท่ากองพลน้อย อันเป็นความเคลื่อนไหวซึ่งถูกมองว่า เป็นความพยายามเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยของบิดา ที่อยู่ในอำนาจมา 24 ปีโดยไม่ขาดช่วง
พิธีแต่งตั้งจัดขึ้นในวันจันทร์ 3 ม.ค.2553 ตามพระราชกฤษฎีกาฉบับหนึ่งที่ลงพระปรมาภิไธยโดย พระบรมนาถนโรดมสีหมุนี กษัตริย์แห่งกัมพูชา โดยฮุนเซนเป็นประธาน มีนายทหารระดับสูงเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก รวมทั้ง พล.อ.เตียบัญ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหมด้วย
พลตรีฮุนมาเนต (Hun Manet) เรียนสำเร็จจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ (West Point) สหรัฐฯ ด้วยทุนของรัฐบาลสหรัฐฯ และ ยังพยายามศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้วยทุนของตัวเองที่สถาบันกลาโหมและวิทยาศาสตร์การทหารแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตันดีซี แต่ไปสำเร็จระดับปริญญาโทสาขาจากเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบริสทอล ประเทศอังกฤษ
ฮุนมาเนต เป็นบุตรชายคนโตของครอบครัวฮุนเซน ในบรรดาพี่น้อง 5 คน เป็นชายสามกับหญิงอีกสาม และ นายกฯ กัมพูชากล่าวก่อนหน้านี้ ว่า ไม่มีความปรารถนาที่จะให้บุตรชายหรือบุตรี เข้ายุ่งเกี่ยวกับการเมืองของประเทศในอนาคต
แต่ในทางปฏิบัติกลับเป็นว่าบุตรชายคนโตกำลังทำหน้าที่พิทักษ์บัลลังก์ของบิดา และ ฮุนมะนา (Hun Mana) ธิดาคนโต ซึ่งเป็นคนที่สองของครอบครัว เป็นเจ้าของโทรทัศน์บายน กับหนังสือพิมพ์รายวันภาษาเขมรกัมปูเจียทะเมย (Kampuchea Thmey) หรือ “กัมพูชาใหม่” ที่สนับสนุนรัฐบาลโดยเฉพาะ
บุตรและบุตรีทุกคนของครอบครัวฮุนเซนล้วนแต่งงานกับทายาทของผู้นำระดับสูงในรัฐบาลและในพรรค ซึ่งทำให้ทุกคนในศูนย์กลางแห่งอำนาจ ล้วนเกี่ยวดองกันทางครอบครัวทั้งสิ้น
ฮุนมาเนต ได้รับเลื่อนยศเป็นนายพลจัตวาของกองทัพในเดือน ต.ค.2552 หลังจากทำงานในสังกัดกองพลน้อยที่ 70 มาตลอด นี่คือ กองพลที่ติดอาวุธทันสมัยที่สุด นายทหารหลายคนได้รับการฝึกจากต่างประเทศ ทำหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้าย พร้อมๆ กับการพิทักษ์ผู้นำระดับสูงคือ นายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ
นักสังเกตการณ์เรียกกองพลน้อยที่ 70 ว่า "กองกำลังต่อต้านการรัฐประหาร"
การติดยศพลตรีเมื่อวันจันทร์ ทำให้บุตรชายของครอบครัวใหญ่ ก้าวขึ้นตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลเต็มขั้น อย่างสง่าผ่าเผยในขณะอายุยังน้อย และ ที่สำคัญคือเป็นผู้กุมกำลังทหารจำนวน 2 กองพลเอาไว้ในมือพร้อมกัน
ถึงแม้ว่าจะเรียกชื่อเป็น “กองพลน้อย” อันเป็นชื่อเรียกที่ใช้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง แต่หน่วยกำลังหลักสำคัญนี้มีกำลังพลถึง 2,000 คน และสามารถระดมกองหนุนในสังกัดได้อีกถึง 2,000 คน
ตามข้อมูลของสื่อในกัมพูชา กองพลน้อยที่ 70 ได้รับใช้ผู้นำกับภริยามาตลอด และ 15 ปี ที่ผ่านมาครอบครัวฮุนเซนได้บริจาคเงินส่วนตัวเพื่อกองกำลังสำคัญนี้รวม 2,722,531 ดอลลาร์ และ ยังสร้างอาคารขนาดต่างๆ ให้อีก 59 หลัง ภายในที่ตั้งที่อยู่ชานเมืองหลวง
ในเดือน ต.ค.2552 ในโอกาสครบรอบปีที่ 15 การก่อตั้ง ได้มีการแยกกองกำลังส่วนหนึ่งออกจากกองพลน้อยที่ 70 และตั้งขึ้นเป็นกองกำลังพิทักษ์ผู้นำโดยเฉพาะ โดยโยก พล.จ.ฮุนมาเนตไปเป็น ผบ.กองกำลังหน่วยใหม่ ขณะที่ พล.ต.เหมาสุพาล (Mao Sophal) ผบ. กองพลน้อยที่ 710 ยังอยู่ในตำแหน่งต่อไป
ตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นมา "พล.ต.ฮุนมาเนต" ได้ควบตำแหน่งผู้บัญชาการของสองกองพล หน่วยรบชั้นเยี่ยมของกองทัพราชอาณาจักรกัมพูชา ทั้งนี้เป็นรายงาของสื่อออนไลน์หลายแห่งในประเทศนี้
ไม่มีการกล่าวถึง พล.ต.เหมา สุพาล นายทหารที่ใกล้ชิดและได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวผู้นำมาตลอด
ปลายปีที่แล้วกัมพูชาได้ซื้อรถถัง T55 กับยานลำเลียงพลหุ้มเกราะทันสมัยที่ผลิตจากค่ายยุโรปตะวันออกรวมจำนวนเกือบ 100 คัน และเชื่อกันว่า จำนวนไม่น้อยประจำการในกองพลพิทักษ์ผู้นำแห่งใหม่
การแต่งตั้งบุตรชายคนโตกลับไปเป็น ผบ.กองพลน้อยต่อต้านการก่อการร้ายอีก 1 ตำแหน่ง จึงถูกมองเป็นกลยุทธ์ในการสนธิกำลังของสองกองพลชั้นเยี่ยมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ระบอบฮุนเซนและคณะผู้นำที่ครองอำนาจมายาวนานเกือบ 30 ปี
คนกลุ่มนี้เคยเชื้อเชิญกองทัพเวียดนามเข้าจับไล่ระบอบเขมรแดงของโปลโป้ทในปี 2522 และนำไปสู่สงครามกลางเมืองต่อมาอีก 10 ปีเต็ม
ปัจจุบันคณะผู้นำเก่าแก่นี้อยู่ภายใต้ร่มธงพรรคประชาชนกัมพูชา ซึ่งก็คือ “พรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา” หรือ พรรคคอมมิวนิสต์สายโซเวียต-เวียดนาม ที่ขึ้นครองอำนาจแทนพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา ของกลุ่มโปลโป้ท-เอียงสารี-เคียวสมพร ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์สายจีนในครั้งอดีต
ฮุนเซน เคยขู่ว่า ใครก็ตามที่พยายามยึดอำนาจโดยทำรัฐประหาร จะ “ตายสถานเดียว” และ ยังขู่สำทับอีกว่า การโค่นล้มรัฐบาลชุดปัจจุบันจะนำกัมพูชากลับเข้าสู่สงครามกลางเมืองอันยาวนานอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นคำขู่ที่ได้ผล เนื่องจากชาวเขมรที่อยู่กับความโหดร้ายของสงครามมาตลอด ต่างพากันหวาดผวาและไม่ต้องการจะเห็น
กองพลน้อยที่ 70 เคยมีบทบาทสำคัญในการปราบปรามฝ่ายต่อต้ายฮุนเซน รวมทั้งการปราบกองกำลังของฝ่ายกรมหลวงนโรดมรณฤทธิ์เมื่อปี 2540 ซึ่งทำให้ฝ่ายหลังต้องถอยร่นจากกรุงพนมเปญ หลังจากฮุนเซนทำรัฐประหารโค่นเชื้อพระวงศ์ซึ่งเป็น “นายกรัฐมนตรีคนที่ 1” ลงจากอำนาจ
หลายปีก่อนหน้านี้ครอบครัวฮุนเซนต้องอาศัยอยู่ในค่ายทหารที่ตวลกระแซง (Tuol Kraseng) จ.กันดาล ตลอด มา เมื่อก่อสร้างคฤหาสน์ “วิมานเอกราช” บ้านพักส่วนตัวในกรุงพนมเปญแล้วเสร็จ จึงได้ย้ายเข้าอาศัย แต่ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างรัดกุม